ในการสั่งซื้อเหล็กเส้นข้ออ้อยเพื่อนำมาใช้ในโครงการก่อสร้างนั้น โดย เหล็กข้ออ้อยแบ่งตามส่วนประกอบทางเคมีและสมบัติทางกลออกเป็น 3 ชั้นคุณภาพ ได้แก่
(1) ชั้นคุณภาพ SD 30
(2) ชั้นคุณภาพ SD 40
(3) ชั้นคุณภาพ SD 50
ซึ่งรายละเอียดมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม เหล็กเส้นเสริมคอนกรีต : เหล็กเส้นข้ออ้อย สามารถศึกษาได้จาก ลิงก์ ที่ให้มาข้างบน
เหล็กเส้นข้ออ้อยจะมีขนาดตั้งแต่ 6 มม. ไปจนถึง 40 มม. ซึ่งในการสั่งซื้อเหล็กเส้นข้ออ้อย ข้อสำคัญที่จะต้องระบุให้ชัดเจนก็คือ
1) ชั้นคุณภาพของเหล็กเส้นข้ออ้อย ซึ่งแบ่งออกเป็น 3ชั้นคุณภาพ คือ SD30 , SD40 , SD50
2) ขนาดของเหล็กเส้นข้ออ้อย เช่น 20 มม.
3) ความยาวต่อเส้นของเหล็กเส้นข้ออ้อย ซึ่งโดยมาตรฐานของโรงงาน จะผลิตที่ความยาว 10.00 เมตร และ 12.00 เมตร
4) น้ำหนักต่อเมตร ของเหล็กที่สั่งซื้อ คูณด้วยจำนวนเมตรต่อเส้น ได้น้ำหนักเท่าไหร่ นำไปคูณกับจำนวนเส้นของเหล็กที่จะสั่งซื้อ ก็จะได้น้ำหนักรวมที่จะสั่งซื้อ เพราะว่าเหล็กเส้นข้ออ้อย การซื้อขายจะใช้หน่วยราคา ต่อ กิโลกรัม ในการซื้อขาย
ตัวอย่างเช่น จะสั้งซื้อเหล็กเส้นข้ออ้อย SD40 DB20 มม. x 10.00 ม. จำนวน 7000 เส้น
วิธีการหาน้ำหนักรวมก็คือ 2.466 x 10 = 24.66 กิโลกรัม ต่อเส้น
เอา 24.66 x 7000 = 172620 กิโลกรัม
จะได้น้ำหนักเหล็กที่จะสั่งซื้อเท่ากับ 172620 กิโลกรัม
จะหาว่าหนักกี่ตัน ก็ให้นำ 1000 มาหาร ( 1 ตัน = 1000 กิโลกรัม )
ก็จะได้เท่ากับ 172620 / 1000 = 172.62 ตัน
5) ระบุยี่ห้อของเหล็กที่สั่งซื้อที่ได้รับการอนุมัติวัสดุจาก Consult เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งโดยปรกติแต่ละโครงการจะส่งอนุมัติวัสดุเหล็กเส้นกันไม่น้อยกว่า 5 ยี่ห้อ
เหตุผลที่เราต้องขออนุมัติวัสดุเหล็กเส้นกันไม่น้อยกว่า 5 ยี่ห้อ ก็เนื่องจากว่า เป็นการป้องกันสินค้าบางขนาด บางยี่ห้อ ขาดตลาดเนื่องจากเหตุผลทางการผลิต เราจึงต้องขออนุมัติวัสดุไว้หลายๆยี่ห้อ
เมื่อมาถึงขั้นตอนการจัดส่งเหล็กเส้นข้ออ้อยเข้าโครงการจากร้านค้า เรามีวิธีตรวจอย่างไรว่าเหล็กที่เราสั่งซื้อเข้ามา ร้านค้าจัดส่งถูกต้อง ทั้งขนาด ความยาว และยี่ห้อที่เราต้องการ วิธีการตรวจเช็คก็คือ
1) เช็คที่เส้นของเหล็กจะมีชื่อผู้ผลิต ชั้นคุณภาพ และขนาด ประทับเป็นตัวนูนถาวรติดอยู่
2) เช็คจากป้ายสังกะสี ที่ผูกติดมากับมัดเหล็กทุกมัด จะระบุ ชั้นคุณภาพ ขนาด ความยาว โรงงานที่ผลิต
เมื่อตรวจเช็คเป็นที่ถูกต้องแล้ว ก็ดำเนินการรับเพื่อนำไปใช้งาน
อีกสิ่งหนึ่งที่ร้านค้าจะต้องจัดส่งมาพร้อมกับเหล็กเส้นก็คือ ใบ certificate จากโรงงานผู้ผลิต ซึ่งจะต้องออกให้ทุกครั้ง เพื่อสามารถให้ทาง Consult ตรวจสอบได้ตลอดเวลาหากเกิดข้อสงสัยในคุณภาพของเหล็กเส้น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น