วันนี้จะแนะนำที่เที่ยวใน อ.ปัว กับ อ.บ่อเกลือ ที่จ.น่าน กันน่ะครับ
ดอกชมภูภูคา ที่อุทยานแห่งชาติ ดอยภูคา
การต้มเกลือสินเธาน์ ที่ อ.บ่อเกลือ
ทิวทัศน์ที่ Pua
ตอนช่วง ตุลาคม - พฤศจิกายน ข้าวเต็มทุ่ง อากาศดีสุดๆ
ร้านกาแฟที่ Pua
เป็นไงบ้าง ใครเคยนั่งร้านกาแฟที่อยู่ท่ามกลางวิถการดำเนินชีวิตจริงๆ และท่ามกลางธรรมชาติแบบนี้บ้าง
วัดต้นแหลง Pua
สร้างมาสมัยชาวไทลื้อที่อพยพมาจากสิบสองปันนาในรุ่นแรกๆ
วัดร้องแง Pua
วัดร้องแง อ.ปัว เป็น
วัดโบราณ สันนิษฐานว่าสร้างเมื่อประมาณปีพ.ศ. 2310
โดยการนำของจ้าวหลวงเทพพญาเลนเจ้าช้างเผือกงาเขียว
เดิมปกครองอยู่ที่เมืองรินเป็นคนไทยกลุ่มหนึ่งที่พูดภาษาลื้อ
เมืองรินอยู่ในเขตปกครองของแคว้นสิบสองปันนา
มีพญาแสน-เมืองแก้วเป็นผู้ปกครอง ต่อมาเกิดศึกสงครามศัตรูเข้ารุกรานเมือง
พญาแสนเมืองแก้วต้านทานไว้ไม่ไหว จ้าวหลวงเทพพญาเลน เจ้าช้างเผือกงาเขียว
จึงเข้ามาช่วยต้านทานทัพศัตรู พร้อมด้วยแม่ทัพนายกอง 4 นาย
คือท้าวแก้วปันเมือง ท้าววรรณณะท้าวเหล็กไฟ และท้าวเต๋อ
แต่สู้ไม่ไหวจึงแตกทัพรวบรวมไพร่พลหนีมาพร้อมกับเสนาทั้ง 4
ถอยร่นจนมาถึงบริเวณใกล้กับลำนํ้าล่องแง (ใกล้ลำนํ้ามีต้นแงซึ่งมีลักษณะคล้ายกับผลส้ม) ซึ่ง
มีความอุดมสมบูรณ์จึงตั้งชื่อหมู่บ้านตามชื่อลำนํ้า
ต่อมามีการเรียกที่เพี้ยนไปจึงกลายเป็นบ้านร้องแง
เมื่อมีการสร้างวัดจึงได้ใช้ชื่อของหมู่บ้านเป็นชื่อวัดไปด้วย
วัดร้องแงได้พระราชทานวิสุงคามเมื่อ 10 มกราคม พ.ศ. 2470
งานกว่างโลก ที่ Pua
ชนกว่าง
: เป็นการละเล่นพื้นบ้านของชาวล้านนาที่นิยมเล่นกันมาเป็นเวลานานแล้วจนกลายเป็นประเพณี
แต่จะเริ่มเล่นกันมาตั้งแต่เมื่อใดนั้นไม่มีหลักฐานปรากฎ ปัจจุบันยังมีการเล่นกันอยู่แต่อาจจะไม่มากเท่ากับในอดีต การเล่นชนกว่างของชาวล้านนานิยมเล่นกันทั้งเด็กและผู้ใหญ่ เฉพาะในฤดูฝนคือประมาณเดือนสิงหาคมถึงตุลาคม พอออกพรรษาแล้วก็ค่อยๆเลิกราปล่อยกว่างกลับสู่ธรรมชาติ เพื่อสืบลูกสืบหลานเพื่อการเกิดใหม่ในปีหน้าตามวัฏจักรของมัน กว่าง : กว่างเป็นชื่อเรียกด้วงปีกแข็งชนิดหนึ่ง มี ๖ ขา กว่างบางชนิดมีเขา บางชนิดไม่มีเขา กว่างจะชอบกินน้ำหวานจากอ้อย กว่างบางชนิดไม่นิยมนำมาเลี้ยง บางชนิดนิยมเลี้ยงไว้ดูเล่น เช่น กว่างซาง กว่างงวง กว่างกิ กว่างกิอุ และกว่างอี้หลุ้ม การชนกว่าง : อุกรณ์การชนกว่าง 1.ไม้คอน คือ ท่อนไม้กลมที่เป็นสำหรับให้กว่างชนกันทำด้วยต้นปอหรือท่อนไม้ฉำฉา ยาวประมาณ 80–100 เซนติเมตร เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 10 เซนติเมตรตรงกลางเจาะรูสำหรับใส่กว่างตัวเมียจากด้านล่างให้โผล่เฉพาะส่วน หลังพอให้มี “กลิ่น” ส่วนด้านล่างใช้เศษผ้าอุดแล้วปิดด้วยฝาไม้ที่ทำเป็นสลักเลื่อนเข้าอีกที เพื่อกันไม่ให้กว่างตัวเมียถอยตัวออก คอนชนิดนี้มีไว้สำหรับฝึกซ้อมให้กว่างชำนาญในการชน ไม้คอนอีกรูปร่างหนึ่งทำด้วยแกนปอ หรือไม้ชนิดอื่นก็ได้ที่เนื้อไม้ไม่แข็งมาก เส้นผ่าศูนย์กลบางประมาณ 10 เซนติเมตร ยาวประมาณ 50 เซนติเมตร ส่วนหัวและท้ายทำเป็นเดือย บางแห่งเดือยยาว 3 เซนติเมตร บางแห่ง 6 เซนติเมตร ตรงกลางด้านบนเจาะรูขนาด 2 เซนติเมตร ด้านล่างตัดเป็นปาก ยาวประมาณ 9 เซนติเมตร ตัดลึกเข้าไปประมาณครึ่งหนึ่งของไม้คอน มีสลักทำให้ถอดออกได้เป็นฝาปิด ส่วนที่เหลืออีกครึ่งเจาะเป็นโพรงเข้าไปหารูเล็กเพื่อเป็นช่องนำกว่างตัวเมียใส่ ให้หลังของกว่างตัวเมียโผล่ออกรูคอนด้านบน ด้านล่างอุดด้วยเศษผ้าแล้วใช้ฝาปิดไว้ แบ่งระยะจากรูตรงกลางออกไปข้างละเท่า ๆ กัน ทำรอยเครื่องหมายกั้นไว้ ไม้คอนจะใช้เป็นที่ฝึกกว่างหรือให้กว่างนี้ชนกัน 2.ไม้ผั่น : ไม้ผั่นกว่าง : ไม้ผัด: ไม้แหล็ดหรือไม้ริ้ว ไม้ผัดนี้จะทำด้วยไม้จิงหรือไม้ไผ่ก็ได้มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณครึ่ง เซนติเมตร ยาวประมาณ 8 เซนติเมตรลักษณะเป็นสี่เหลี่ยมปลายบัวหรือปลายแหลม ส่วนโคนเหลาให้เล็กเป็นที่สำหรับจับถือตรงใกล้ที่จับนั้นจะบากลงและเหลาให้ กลมแล้วเอาโลหะมาคล้องไว้อย่างหลวม ๆ เวลา “ผั่น” หรือปั่นให้ผั่นให้หมุนกับคอนนั้น จะมีเสียง“กลิ้ง ๆ”ตลอดเวลาไม้ผั่นนี้ใช้ผั่นหน้ากว่างให้วิ่งไปข้างหน้าเขี่ยข้างกว่างให้ กลับหลังเขี่ยแก้มกว่างให้หันซ้ายหันขวา ถ้ากว่างไม่ยอมสู้ก็จะใช้เจียดแก้มกว่างให้ร้อนจะได้สู้ต่อไป ในขณะที่ต้องการให้กว่างคึกคะนองหรือเร่งเร้าให้กว่างต่อสู้กันนั้นก็จะใช้ ไม้ผั่นนี้ การผั่นใช้นิ้วหัวแม่มือกับนิ้วกลางหมุนไปมากับคอนให้เกิดเสียงดัง ลักษณะของกว่าที่จะนำมาชน ลักษณะกว่างโซ่งที่ดีนั้นต้องมีหน้ากว้าง กางเขาออกได้เต็มที่เขาล่างจะยาวกว่าเขาบนนิดหน่อยถ้าเขาล่างยาวกว่าเขาบนก็ จะเรียกว่า “กว่างเขาหวิด” ถือว่าหนีบไม่แรงไม่แน่นกว่างชนที่ดีนั้นส่วนหัวต้องสูง ท้ายทอยลาดลงเป็นสง่า แต่ถ้าท้ายทอยตรงโคนเขาบนเป็นปมไม่เรียบ ถือว่าเป็นกว่างไม่ดี กว่างที่ดีต้องเป็นกว่างที่ฉลาดสอนง่าย ก่อนที่จะนำกว่างมาชนกันนั้น จะต้องนำกว่างมาเทียบขนาดและสัดส่วนที่เรียกว่า เปรียบคู่ กันเสียก่อน เมื่อตกลงจะให้กว่างของตนชนกันจริง ๆ แล้ว เจ้าของกว่างจะต้องขอกว่างของฝ่ายตรงกันข้ามมาตรวจดูเสียก่อนว่าไม่มีกลโกง ในการชนกว่างแต่ละครั้งมักจะมีการวางเดิมพันกันเพื่อความสนุกสนานมากยิ่งขึ้น กว่างที่ชนะก็ทำให้เจ้าของมีหน้ามีตา แต่ถ้ากว่างแพ้แล้วอยู่ที่เจ้าของว่าจะเลี้ยงต่อหรือปล่อยไปตามธรรมชาติ |
|||
เทศกาลงานกว่างโลก อ.ปัว จ.น่านหรืองานชนกว่างที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก | |||
งานเทศกาล "โลกของกว่าง
นักสู้แห่งขุนเขา" หรือชื่อเรียกภาษาอังกฤษว่า " Hercules's Beetle"
เป็นงานขึ้นหน้าขึ้นตาของ อ.ปัว จ.น่าน ช่วงเดือน ก.ย. หรือ
ต.ค. ซึ่งอยู่ในช่วงฤดูผสมพันธุ์ของ "กว่าง"
ซึ่งในมุมมองสำหรับการชนกว่างของคนท้องถิ่นแล้ว การชนกว่าง
เป็นเรื่องของธรรมชาติในฤดูผสมพันธุ์อยู่แล้ว และการนำกว่างมาชนกันก็ไม่เคยถึงขั้นเลือดตกยางออกหรือถึงขั้นชีวิตแต่อย่างใด เวทีชนกว่างจะใช้ไม้ท่อนมาเจาะรูปตรงกลางแล้วใส่ "อีโม้ะ" หรือ "อีหลุ้ม"กว่างตัวเมียซึ่งไม่มีเขา เป็นตัวล่อไว้ แล้วปล่อยให้กว่างตัวผู้ 2 ตัวแย่งชิงความเป็นชายที่เหนือกว่าอย่างดุเด็ดเผ็ดมันบนขอนไม้ ระหว่างการ ต่อสู้เจ้าของกว่างจะหมุน "ไม้ผัดกว่าง" ให้เกิดเสียงดังเป็นจังหวะปลุกใจกว่างนักสู้ ค่าตัวของกว่างที่ถือว่ามีฝีมือเข้าขั้นมีราคาถึง 500-1,000 บาททีเดียว นอกจากการชนกว่างแล้ว ยังมีการประกวดประดิษฐ์เช่นไม้ผัดกว่าง,การประกวดกว่างประเภทต่างๆ เช่น กว่างโซ้ง กว่างตัวใหญ่เขายาว,กว่างแซม ซึ่งเป็นกว่างที่มีขนาดตัวและเขาปานกลาง,การประกวดกว่างลักษณะพิเศษ ที่มี 3-5 เขา ขอบคุณข้อมูลจาก ลานนาทัวร์ริ่ง |