วันศุกร์ที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2559

แนะนำที่เทียวบ้านเกิดเมืองนอนคุณธงชัย อำเภอปัว - บ่อเกลือ น่าน Pua , Nan , Thailand

วันนี้จะแนะนำที่เที่ยวใน อ.ปัว กับ อ.บ่อเกลือ ที่จ.น่าน กันน่ะครับ


ดอกชมภูภูคา ที่อุทยานแห่งชาติ ดอยภูคา




การต้มเกลือสินเธาน์ ที่ อ.บ่อเกลือ





ทิวทัศน์ที่ Pua 

ตอนช่วง ตุลาคม - พฤศจิกายน ข้าวเต็มทุ่ง อากาศดีสุดๆ


ร้านกาแฟที่ Pua 

เป็นไงบ้าง ใครเคยนั่งร้านกาแฟที่อยู่ท่ามกลางวิถการดำเนินชีวิตจริงๆ และท่ามกลางธรรมชาติแบบนี้บ้าง


วัดต้นแหลง Pua

สร้างมาสมัยชาวไทลื้อที่อพยพมาจากสิบสองปันนาในรุ่นแรกๆ 









วัดร้องแง Pua

วัดร้องแง อ.ปัว เป็น วัดโบราณ สันนิษฐานว่าสร้างเมื่อประมาณปีพ.ศ. 2310 โดยการนำของจ้าวหลวงเทพพญาเลนเจ้าช้างเผือกงาเขียว เดิมปกครองอยู่ที่เมืองรินเป็นคนไทยกลุ่มหนึ่งที่พูดภาษาลื้อ เมืองรินอยู่ในเขตปกครองของแคว้นสิบสองปันนา มีพญาแสน-เมืองแก้วเป็นผู้ปกครอง ต่อมาเกิดศึกสงครามศัตรูเข้ารุกรานเมือง พญาแสนเมืองแก้วต้านทานไว้ไม่ไหว จ้าวหลวงเทพพญาเลน เจ้าช้างเผือกงาเขียว 
จึงเข้ามาช่วยต้านทานทัพศัตรู พร้อมด้วยแม่ทัพนายกอง 4 นาย คือท้าวแก้วปันเมือง ท้าววรรณณะท้าวเหล็กไฟ และท้าวเต๋อ แต่สู้ไม่ไหวจึงแตกทัพรวบรวมไพร่พลหนีมาพร้อมกับเสนาทั้ง 4 ถอยร่นจนมาถึงบริเวณใกล้กับลำนํ้าล่องแง (ใกล้ลำนํ้ามีต้นแงซึ่งมีลักษณะคล้ายกับผลส้ม) ซึ่ง มีความอุดมสมบูรณ์จึงตั้งชื่อหมู่บ้านตามชื่อลำนํ้า ต่อมามีการเรียกที่เพี้ยนไปจึงกลายเป็นบ้านร้องแง เมื่อมีการสร้างวัดจึงได้ใช้ชื่อของหมู่บ้านเป็นชื่อวัดไปด้วย วัดร้องแงได้พระราชทานวิสุงคามเมื่อ 10 มกราคม พ.ศ. 2470 



งานกว่างโลก ที่ Pua

ชนกว่าง : เป็นการละเล่นพื้นบ้านของชาวล้านนาที่นิยมเล่นกันมาเป็นเวลานานแล้วจนกลายเป็นประเพณี แต่จะเริ่มเล่นกันมาตั้งแต่เมื่อใดนั้นไม่มีหลักฐานปรากฎ ปัจจุบันยังมีการเล่นกันอยู่แต่อาจจะไม่มากเท่ากับในอดีต
   การเล่นชนกว่างของชาวล้านนานิยมเล่นกันทั้งเด็กและผู้ใหญ่ เฉพาะในฤดูฝนคือประมาณเดือนสิงหาคมถึงตุลาคม พอออกพรรษาแล้วก็ค่อยๆเลิกราปล่อยกว่างกลับสู่ธรรมชาติ เพื่อสืบลูกสืบหลานเพื่อการเกิดใหม่ในปีหน้าตามวัฏจักรของมัน
   กว่าง : กว่างเป็นชื่อเรียกด้วงปีกแข็งชนิดหนึ่ง มี ๖ ขา กว่างบางชนิดมีเขา บางชนิดไม่มีเขา กว่างจะชอบกินน้ำหวานจากอ้อย กว่างบางชนิดไม่นิยมนำมาเลี้ยง บางชนิดนิยมเลี้ยงไว้ดูเล่น เช่น กว่างซาง กว่างงวง กว่างกิ กว่างกิอุ และกว่างอี้หลุ้ม

การชนกว่าง : อุกรณ์การชนกว่าง
   1.ไม้คอน คือ ท่อนไม้กลมที่เป็นสำหรับให้กว่างชนกันทำด้วยต้นปอหรือท่อนไม้ฉำฉา ยาวประมาณ 80–100 เซนติเมตร เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 10 เซนติเมตรตรงกลางเจาะรูสำหรับใส่กว่างตัวเมียจากด้านล่างให้โผล่เฉพาะส่วน หลังพอให้มี “กลิ่น” ส่วนด้านล่างใช้เศษผ้าอุดแล้วปิดด้วยฝาไม้ที่ทำเป็นสลักเลื่อนเข้าอีกที เพื่อกันไม่ให้กว่างตัวเมียถอยตัวออก คอนชนิดนี้มีไว้สำหรับฝึกซ้อมให้กว่างชำนาญในการชน
   ไม้คอนอีกรูปร่างหนึ่งทำด้วยแกนปอ หรือไม้ชนิดอื่นก็ได้ที่เนื้อไม้ไม่แข็งมาก เส้นผ่าศูนย์กลบางประมาณ 10 เซนติเมตร ยาวประมาณ 50 เซนติเมตร ส่วนหัวและท้ายทำเป็นเดือย บางแห่งเดือยยาว 3 เซนติเมตร บางแห่ง 6 เซนติเมตร ตรงกลางด้านบนเจาะรูขนาด 2 เซนติเมตร ด้านล่างตัดเป็นปาก ยาวประมาณ 9 เซนติเมตร ตัดลึกเข้าไปประมาณครึ่งหนึ่งของไม้คอน มีสลักทำให้ถอดออกได้เป็นฝาปิด ส่วนที่เหลืออีกครึ่งเจาะเป็นโพรงเข้าไปหารูเล็กเพื่อเป็นช่องนำกว่างตัวเมียใส่ ให้หลังของกว่างตัวเมียโผล่ออกรูคอนด้านบน ด้านล่างอุดด้วยเศษผ้าแล้วใช้ฝาปิดไว้ แบ่งระยะจากรูตรงกลางออกไปข้างละเท่า ๆ กัน ทำรอยเครื่องหมายกั้นไว้ ไม้คอนจะใช้เป็นที่ฝึกกว่างหรือให้กว่างนี้ชนกัน
   2.ไม้ผั่น : ไม้ผั่นกว่าง : ไม้ผัด: ไม้แหล็ดหรือไม้ริ้ว ไม้ผัดนี้จะทำด้วยไม้จิงหรือไม้ไผ่ก็ได้มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณครึ่ง เซนติเมตร ยาวประมาณ 8 เซนติเมตรลักษณะเป็นสี่เหลี่ยมปลายบัวหรือปลายแหลม ส่วนโคนเหลาให้เล็กเป็นที่สำหรับจับถือตรงใกล้ที่จับนั้นจะบากลงและเหลาให้ กลมแล้วเอาโลหะมาคล้องไว้อย่างหลวม ๆ เวลา “ผั่น” หรือปั่นให้ผั่นให้หมุนกับคอนนั้น จะมีเสียง“กลิ้ง ๆ”ตลอดเวลาไม้ผั่นนี้ใช้ผั่นหน้ากว่างให้วิ่งไปข้างหน้าเขี่ยข้างกว่างให้ กลับหลังเขี่ยแก้มกว่างให้หันซ้ายหันขวา ถ้ากว่างไม่ยอมสู้ก็จะใช้เจียดแก้มกว่างให้ร้อนจะได้สู้ต่อไป ในขณะที่ต้องการให้กว่างคึกคะนองหรือเร่งเร้าให้กว่างต่อสู้กันนั้นก็จะใช้ ไม้ผั่นนี้ การผั่นใช้นิ้วหัวแม่มือกับนิ้วกลางหมุนไปมากับคอนให้เกิดเสียงดัง

ลักษณะของกว่าที่จะนำมาชน
   ลักษณะกว่างโซ่งที่ดีนั้นต้องมีหน้ากว้าง กางเขาออกได้เต็มที่เขาล่างจะยาวกว่าเขาบนนิดหน่อยถ้าเขาล่างยาวกว่าเขาบนก็ จะเรียกว่า “กว่างเขาหวิด” ถือว่าหนีบไม่แรงไม่แน่นกว่างชนที่ดีนั้นส่วนหัวต้องสูง ท้ายทอยลาดลงเป็นสง่า แต่ถ้าท้ายทอยตรงโคนเขาบนเป็นปมไม่เรียบ ถือว่าเป็นกว่างไม่ดี กว่างที่ดีต้องเป็นกว่างที่ฉลาดสอนง่าย
   ก่อนที่จะนำกว่างมาชนกันนั้น จะต้องนำกว่างมาเทียบขนาดและสัดส่วนที่เรียกว่า เปรียบคู่ กันเสียก่อน เมื่อตกลงจะให้กว่างของตนชนกันจริง ๆ แล้ว เจ้าของกว่างจะต้องขอกว่างของฝ่ายตรงกันข้ามมาตรวจดูเสียก่อนว่าไม่มีกลโกง
   ในการชนกว่างแต่ละครั้งมักจะมีการวางเดิมพันกันเพื่อความสนุกสนานมากยิ่งขึ้น กว่างที่ชนะก็ทำให้เจ้าของมีหน้ามีตา แต่ถ้ากว่างแพ้แล้วอยู่ที่เจ้าของว่าจะเลี้ยงต่อหรือปล่อยไปตามธรรมชาติ



เทศกาลงานกว่างโลก อ.ปัว จ.น่านหรืองานชนกว่างที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก
งานเทศกาล "โลกของกว่าง นักสู้แห่งขุนเขา" หรือชื่อเรียกภาษาอังกฤษว่า " Hercules's Beetle"  เป็นงานขึ้นหน้าขึ้นตาของ อ.ปัว จ.น่าน ช่วงเดือน ก.ย. หรือ ต.ค. ซึ่งอยู่ในช่วงฤดูผสมพันธุ์ของ "กว่าง" ซึ่งในมุมมองสำหรับการชนกว่างของคนท้องถิ่นแล้ว การชนกว่าง เป็นเรื่องของธรรมชาติในฤดูผสมพันธุ์อยู่แล้ว
และการนำกว่างมาชนกันก็ไม่เคยถึงขั้นเลือดตกยางออกหรือถึงขั้นชีวิตแต่อย่างใด

เวทีชนกว่างจะใช้ไม้ท่อนมาเจาะรูปตรงกลางแล้วใส่ "อีโม้ะ" หรือ "อีหลุ้ม"กว่างตัวเมียซึ่งไม่มีเขา  เป็นตัวล่อไว้ แล้วปล่อยให้กว่างตัวผู้ 2 ตัวแย่งชิงความเป็นชายที่เหนือกว่าอย่างดุเด็ดเผ็ดมันบนขอนไม้ ระหว่างการ ต่อสู้เจ้าของกว่างจะหมุน "ไม้ผัดกว่าง" ให้เกิดเสียงดังเป็นจังหวะปลุกใจกว่างนักสู้

ค่าตัวของกว่างที่ถือว่ามีฝีมือเข้าขั้นมีราคาถึง 500-1,000 บาททีเดียว นอกจากการชนกว่างแล้ว ยังมีการประกวดประดิษฐ์เช่นไม้ผัดกว่าง,การประกวดกว่างประเภทต่างๆ เช่น กว่างโซ้ง กว่างตัวใหญ่เขายาว,กว่างแซม ซึ่งเป็นกว่างที่มีขนาดตัวและเขาปานกลาง,การประกวดกว่างลักษณะพิเศษ ที่มี 3-5 เขา

ขอบคุณข้อมูลจาก ลานนาทัวร์ริ่ง





วันพุธที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2559

การสั่งซื้ออิฐมวลเบา


อิฐมวลเบาที่ผลิตในประเทศไทย มีหลากหลายยี่ห้อ ดังนั้นในการสั่งซื้ออิฐมวลเบาเพื่อนำเข้ามาใช้งานในโครงการ ก็ขึ้นอยู่กับรายการประกอบแบบ ของโครงการนั้นๆ ได้ระบุยี่ห้อไหนไว้ หรือหากไม่ได้ระบุไว้ ก็ขึ้นอยู่กับการขออนุมัติวัสดุ ว่าจะยื่นยี่ห้อไหนเข้าไป ในกรณีที่รายการประกอบแบบไม่ได้ระบุไว้ สิ่งที่จะมีผลต่อการส่งยี่ห้อไหนเข้าไปขออนุมัติวัสดุ ก็อาจจะประกอบไปด้วยเหตุผลดังนี้

1) ความเชื่อมั่นในการผลิตและจัดส่งให้ทันต่อการใช้งาน จากโครงการเดิม
2) ราคาของผลิตภัณฑ์ น่าสนใจที่จะสั่งซื้อหรือไม่
3) การบริการที่ดีจาก เจ้าหน้าที่ขายโครงการของผลิตภัณฑ์ นั้นๆ ที่เข้ามาให้ข้อมูลรายละเอียด การจัด       ตัวอย่างผลิตภัณฑ์ และเอกสารสำหรับขออนุมัติวัสดุ

เหล่านี้เป็นเหตุผลเบื้องต้นโดยทั่วไปที่ส่งผลต่อการส่งผลิตภัณฑ์ เข้าไปขออนุมัติวัสดุจาก Consult

ทีนี้ก็จะมาดูรายละเอียดกันว่า เราจะสั่งอิฐมวลเบากันอย่างไร

ก่อนอื่นมารู้จักคุณสมบัติของอิฐมวลเบากันก่อน ( ข้อมูลดีๆนี้จาก บมจ. ควอลิตี้คอนสตรัคชั่นโปรดัคส์  )

ความรู้เกี่ยวกับอิฐมวลเบา : ชั้นคุณภาพของคอนกรีตมวลเบา

คอนกรีตมวลเบาสามารถแบ่งชั้นคุณภาพตามมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมได้ตามความต้านทานแรงอัด เป็น 4 ชั้นคุณภาพ และแบ่งตามความหนาแน่นเชิงปริมาตรเป็น 7 ชนิดตามตารางด้านล่าง

ชั้นคุณภาพความต้านทานแรงอัด นิวตันต่อตารางมิลลิเมตรชนิดความหนาแน่นความหนาแน่นเชิงปริมาตรเฉลี่ย
ค่าเฉลี่ย
22.50.4
0.5
0.31 ถึง 0.40
0.41 ถึง 0.50
45.00.6
0.7
0.8
0.51 ถึง 0.60
0.61 ถึง 0.70
0.71 ถึง 0.80
67.50.7
0.8
0.61 ถึง 0.70
0.71 ถึง 0.80
810.00.8
0.9
1.0
0.71 ถึง 0.80
0.81 ถึง 0.90
0.91 ถึง 1.00

เพื่อประโยชน์สูงสุดของผู้เลือกใช้คอนกรีตมวลเบาชั้นคุณภาพ 2 (G2) และชั้นคุณภาพ 4 (G4)

ชั้นคุณภาพ 2 (G2) เหมาะสำหรับโครงสร้างอาคารระบบเสา-คาน (Non Load Bearing Walls) สามารถกันความร้อนได้ดีกว่า

ชั้นคุณภาพ 4 (G4) เหมาะสำหรับโครงสร้างอาคารระบบไร้เสา-ไร้คาน (Load Bearing Walls) 

ตารางเปรียบเทียบคุณสมบัติของคอนกรีตมวลเบา
คุณสมบัติชั้นคุณภาพรายละเอียดเปรียบเทียบ
Class 2 (G2)Class 4 (G4)
1. ความหนาแน่นแห้ง ( Dry Density) (kg/ m3)500700G2 เบากว่า G4 40% เพราะมีฉนวนฟองอากาศมากกว่า
2. น้ำหนักผนังความหนา 7.5 ซม. (ไม่รวมฉาบ)
น้ำหนักผนังความหนา 7.5 ซม. (รวมฉาบ)
45
90
60
105
G2 น้ำหนักน้อยกว่า G4 จะประหยัดโครงสร้างอาคารได้มากกว่า
G2 น้ำหนักน้อยกว่า G4 จะประหยัดโครงสร้างอาคารได้มากกว่า
3. ค่ากำลังรับแรงอัด (Compressive Stength) (ksc.)>30>45G2 แข็งแรงมากเกินพอ ในโครงสร้างอาคารระบบเสา-คาน
4. อัตราการกันไฟ ( Fire Rating ) มีความหนา 10 ซม. (ชั่วโมง)44G2 และ G4 ทนไฟได้ไม่แตกต่างกัน
5. อัตราการกันเสียง (STC Rating) (dB)4243G2 และ G4 กันเสียงได้ไม่แตกต่างกัน
6. อัตราการดูดซึมน้ำ (Water Absorption) (%)3538G2 จะดูดซึมน้ำน้อยกว่า G4
7. ค่าการนำความร้อน (Thermal Conductivity) (W/ mK)0.1240.178G2 กันความร้อนได้ดีกว่า G4 เพราะมีฉนวนฟองอากาศมากกว่า




ขอแนะนำผู้บริโภคว่า เพื่อประโยชน์สูงสุดที่ท่านจะได้รับในการเลือกใช้คอนกรีตมวลเบา มีดังต่อไปนี้

กรณีที่ 1 โครงสร้างอาคารที่มีเสาและคาน ควรใช้งานก่อสร้างผนังด้วย G2 เหมาะที่สุด เพราะเป็นชนิดที่ถูกพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ใช้เทคโนโลยีระดับสูง เพื่อให้ได้เป็น บล็อคเย็น ที่กันความร้อนได้ดีกว่า และมีความแข็งแรงเพียงพอได้มาตรฐาน สามารถเจาะยึดแขวนได้อย่างมั่นใจ

กรณีที่ 2 โครงสร้างอาคารที่ไร้เสาและคาน ควรใช้งานก่อสร้างผนังด้วย G4 เหมาะที่สุด เพราะไม่มีเสา จึงต้องการอิฐที่มีความแข็งแรงเป็นพิเศษในการรับน้ำหนัก

อิฐมวลเบา 1 ตารางเมตรใช้กี่ก้อน ? : สำหรับอิฐมวลเบาแบบอบไอน้ำ ขนาด 20×60 ซม. 1 ตารางเมตรจะใช้อิฐมวลเบา 8.33 ก้อน

ขนาดและน้ำหนักของ อิฐมวลเบา

ขนาด (ซม.)น้ำหนัก (กก.)
20x60x7.55.58
20x60x107.44
20x60x12.59.30
20x60x1511.16
20x60x2014.89
20x60x2518.61
ดังนั้น ในการสั่งซื้ออิฐมวลเบา ก็จะต้องระบุ
1) ความหนา x ความกว้าง x ความยาว
2) ชั้นคุณภาพที่ต้องการ
3) ปริมาณที่ต้องการ
4) ยี่ห้อที่ต้องการ

ระบุให้ครบถ้วน เพื่อที่การจัดซื้อ จะสามารถจัดซื้อได้ถูกต้องตามความต้องการ

และที่สำคัญคือ การสั่งซื้อปูนก่ออิฐมวลเบา และปูนฉาบอิฐมวลเบา เพื่อใช้ดำเนินงานควบคู่กันไป

วันจันทร์ที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2559

การรับปูนซีเมนต์ผง

https://danaicmp.wordpress.com/2009/07/08/%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%9A%E0%B8%A7%E0%B8%99%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%9C%E0%B8%A5%E0%B8%B4%E0%B8%95%E0%B8%9B%E0%B8%B9%E0%B8%99%E0%B8%8B%E0%B8%B5%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%99%E0%B8%95/





สำหรับโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ บางครั้งอาจจะต้องสร้าง Plant สำหรับผลิตคอนกรีตผสมเสร็จขึ้นมาเอง หรืออาจจะต้องสั่งปูนฉาบแบบผงเข้ามาใช้งานเอง ดังนั้นสิ่งที่ผู้ดูแลทรัพย์สิน และคลังพัสดุ สโตร์หน่วยงานก่อสร้าง ควรทราบไว้ก็คือการสั่ง และการรับปูนซีเมนต์ผง

การสั่งปูนซีเมนต์ผง

ในการสั่งปูนซีเมนต์ผงเข้ามาใช้งานในแต่ละครั้ง เราจะสั่งหน่วยเป็น ตัน ถ้าเป็นรถเต้าปูนคู่ ก็จะใส่ได้เต้าละประมาณ 9 ตันกว่า 2 เต้าก็ประมาณ 18 ตัน ถ้าพ่วงมาด้วยอีก 2 เต้า เที่ยวนั้นก็จะได้ประมาณ 36 ตัน แต่ถ้าเป็นรถเต้าเดี่ยว ก็จะบรรทุกได้ประมาณ 28-30 ตัน  ทีนี้การสั่งปูนซีเมนต์ผงเข้ามาใช้งานในแต่ละครั้ง ก็ขึ้นอยู่กับปริมาณความต้องการใช้งาน และที่สำคัญคือ มีไซโลที่จะจัดเก็บปูนซีเมนต์ผงได้ที่ปริมาณเท่าไหร่

วิธีการตรวจรับปูนซีเมนต์ผง

เนื่องจากที่โครงการไม่มีตาชั่งน้ำหนักรถบรรทุก ดังนั้นจึงมีขั้นตอนและวิธีการตรวจเช็คก่อนรับสินค้าดังนี้

1) ขึ้นไปเช็คดู ซีล ที่จะปิดผนึกมาที่ฝาปิดเต้าปูนด้านบน ทุกฝาจะต้องมีซีลปิดผนึกเรียบร้อย ไม่มีรอยแกะมาก่อนที่จะถึงเรา  
2) ดึงซีลออกแล้วเปิดฝาเต้าปูนดู ใช้ตลับเมตรวัดจากขอบเต้า ลงไปหาเนื้อปูนว่ามีช่องว่างกี่เซนติเมตร ซึ่งโดยปรกติจะอยู่ที่ประมาณ 10 เซ็นติเมตร
3) ลงมาดูที่ฝาปิดท่อส่งปูนจากเต้าปูน จะต้องมี ซีล ที่จะปิดผนึกมาที่ฝาท่อส่งปูน ทุกฝาจะต้องมีซีลปิดผนึกเรียบร้อย ไม่มีรอยแกะมาก่อนที่จะถึงเรา  
4) ดึงซีลออก เพื่อให้ทางขนส่ง ดำเนินการถ่ายปูนซีเมนต์ผง ขึ้นไปจัดเก็บในไซโล

หลังจากขนส่งดำเนินการถ่ายปูนซีเมนต์ผง ขึ้นไปจัดเก็บในไซโล มีวิธีการอย่างไรที่จะตรวจเช็คว่าปูนซีเมนต์ผงที่ขนมา ลงให้เราหมดเรียบร้อย

เนื่องจากของพวกนี้ มันมีอำนาจของตัณหาความอยากแฝงอยู่ ทำให้บางคนอยากได้อยากขโมย ( ชัดๆน่ะว่าบางคน )  เขาจะทำอย่างไรก็ได้ วิธีไหนก็ได้ ที่จะทำให้เราเชื่อว่า เขาลงให้เราหมดแล้ว ดังนั้นวันนี้ จึงจะมาแนะนำเท็คนิคง่ายๆ ในการตรวจเช็คว่า ขนส่ง ได้ลงปูนซีเมนต์ผง ให้เราหมดเกลี้ยงจริงๆหรือไม่ ดังนี้

1) ปรกติทั่งไป รถขนส่งปูนซีเมนต์ผง เขาจะมีท่อนไม้กลมๆ ใหญ่ประมาณแขนของเรา ยาวสัก 2 ศอก เวลาที่ลงเสร็จ คนขนส่งก็จะเอาไม้อันนี้แหละ มาให้เราเคาะเต้าปูน ไม้กระทบกับโลหะเต้าปูน มันก็จะเสียงดังกังวาน เพราะปูนถูกเป่าออกไปแล้ว เสียงมันจะไม่ดังทึบๆ เหมือนตอนที่ปูน ฯ ยังเต็มเต้าปูน แต่ อ่านดีๆน่ะ  แต่อย่าเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน เพราะบางที ปูนฯ ยังค้างอยู่ที่กรวยเต้าเป็นตันๆ แต่เวลาเราเคาะ มันก็ดังอยู่แล้ว เพราะเต้าด้านบนมันโล่ง  ดังนั้นวิธีนี้ห้ามใช้
2) วิธีที่จะให้ทำต่อไปนี้คือวิธีง่ายๆ  เตรียมท่อ พีวีซี ขนาด 3/4 - 1 นิ้ว ยาว 4.00 เมตร 1 ท่อน  เตรียมน้ำ 1 กระป๋องปูน เปิดฝาปิดเต้าปูนด้านบน ใช้น้ำชโลมปลายท่อพีวีซีด้านหนึ่งขึ้นมาสัก 1 เมตร จากนั้นเอาปลายท่อพีวีซีที่ชะโลมน้ำไว้แล้ว แทงลงไปในเต้าปูน แทงลงไปตรงๆ ในจุดกรวยด้านล่าง จากนั้นยกขึ้นมาดู หากขนส่งดำเนินการถ่ายปูนซีเมนต์ผง ขึ้นไปจัดเก็บในไซโลจนหมดแล้ว  ปลายของท่อพีวีซี จะมีคราบปูน ฯ  ไม่เกิน 10 เซ็นติเมตร  แต่ถ้าหากว่า ปลายของท่อพีวีซี มีคราบปูน ฯ สูงเกิน ให้ไล่ไปดำเนินการถ่ายปูนซีเมนต์ผง ขึ้นไปจัดเก็บในไซโล ให้เราใหม่ ให้หมด แล้วมาเริ่มต้นข้อนี้ใหม่อีกครั้ง

พึงระลึกไว้เสมอว่า บริษัท ฯ ของเรา ใช้เงินซื้อมา คุณเป็นคนขนส่ง คุณก็ได้ค่าจ้างค่าเที่ยวแล้ว ดังนั้นอย่าทำอะไรที่มันไม่ดี และเราก็ต้องรักษาผลประโยชน์ของบริษัท ฯ เราไว้ให้ดี

และนี่ก็คือเท็คนิคง่ายๆ ในการรับปูนซีเมนค์ผง


ด้านบนมีลิงค์ กระบวนการผลิตปูนซีเมนต์ มาให้เรียนรู้กันด้วย



แนะนำน่าน บ้านเกิดเมืองนอนของธงชัย NAN Thailand

พักยกมาแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของจังหวัดน่าน กันสักเล็กน้อย น่าน เมืองแห่งธรรมชาติ และผู้คนที่มีรอยยิ้มอยู่เสมอ น่านเมืองที่ยังมีวัฒนธรรมที่น่าค้นหา น่าน ล้านนาตะวันออกที่คุณน่าจะลองไปสัมผัสสักครั้ง

วันนี้ขอแนะนำสถานที่ๆไม่น่าพลาด  ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณเจ้าของรูปภาพทุกท่าน ที่นำมาเผยแพร่ในที่นี้กันทุกๆท่านน่ะครับ  เรามาแนะนำกันเลย


จุดชมวิวดอยเสมอดาว เป็นจุดที่ชมทะเลหมอกและพระอาทิตย์ขึ้นยามเช้า ซึ่งท่านสามารถมองเห็นได้รอบทิศทาง เห็นวิวทิวทัศน์ของแม่น้ำน่านที่ทอดยาวในหุบเขาและเห็นยอดผาชู้ที่ตั้ง ตระหง่านอยู่ข้างหน้า ในตอนเย็นท่านสามารถมองเห็นพระอาทิตย์ตกได้ด้วย

สถานที่ตั้ง อำเภอนาน้อย จังหวัดน่าน


วัดพระธาติเขาน้อย อยู่ก่อนเข้าตัวเมืองน่าน เป็นวัดที่ตั้งอยู่บนเขา สามารถมองลงมาเห็นวิวตัวเมืองน่านได้

สถานที่ตั้ง อำเภอเมือง จังหวัดน่าน


งาช้างดำ 1 เดียวในเมืองไทย ตั้งแสดงอยู่ในพิพิธภัณฑ์สถานแห่งช่าติ น่าน

สถานที่ตั้ง อำเภอเมือง จังหวัดน่าน


วัดช้างค้ำวรวิหาร วัดที่พระธาตุมีรูปปั้นช้างค้ำอยู่โดยรอบ

สถานที่ตั้ง อำเภอเมือง จังหวัดน่าน


วัดภูมินทร์ เป็นวัดที่มีจิตรกรรมฝาผนังอันลือชื่อ ปู่ม่านย่าม่าน กระซิบรัก

สถานที่ตั้ง อำเภอเมือง จังหวัดน่าน


กระซิบรักบรรลือโลก ภาพจิตรกรรมฝาผนังที่วัดภูมินทร์ ภาพของปู่ม่านย่าม่าน

สถานที่ตั้ง อำเภอเมือง จังหวัดน่าน


วัดพระธาตุแช่แห้ง วัดคู่บ้านคู่เมือง ของจังหวัดน่าน

สถานที่ตั้ง อำเภอเมือง จังหวัดน่าน


วังศิลาแลง โตรกหินธรรมชาติ ที่สวยงามยิ่ง ของเมืองปัว

สถานที่ตั้ง อำเภอปัว จังหวัดน่าน

เล็กๆน้อยๆ ที่ยังไงก็อยากอวดว่า น่าน มีดี มากกว่าที่คุณคิด แวะไปสักครั้ง แล้วคุณจะหลงรัก น่าน












วันอาทิตย์ที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2559

การสั่งซื้อคอนกรีตผสมเสร็จ

http://services.dpt.go.th/dpt_rsbldg/modules/standard/data_standard/Std_ts_method/1210.pdf
http://www.satengnok.go.th/image/mypic_customize/files/1_lek.pdf


การสั่งซื้อ คอนกรีตผสมเสร็จ (Ready Mixed Concrete) เพื่อใช้ในโครงการก่อสร้าง โดยส่วนมากแล้วมันเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับงานทางด้านวิศวกรรม ซึ่งผู้ที่รับผิดชอบในการสั่งซื้อคอนกรีตมักจะเป็น วิศวกร ที่ดูแลงานนั้นๆอยู่  แล้วฝ่ายบริหารทรัพย์สิน และคลังพัสดุ มาเกี่ยวข้องกับงานสั่งซื้อ คอนกรีตผสมเสร็จ (Ready Mixed Concrete) ได้อย่างใร ในเรื่องนี้จะทำให้ทราบว่ามีส่วนไหนบ้างที่เป็นส่วนรับผิดชอบที่ทางฝ่ายบริหารทรัพย์สิน และคลังพัสดุ จะต้องเข้ามาดูแล
ก่อนอื่นอยากให้ทางผู้รับผิดชอบฝ่ายบริหารทรัพย์สิน และคลังพัสดุ ได้ทราบเกี่ยวกับ คอนกรีตผสมเสร็จ (Ready Mixed Concrete) เป็นความรู้พื้นฐานไว้บ้าง เพื่อที่ในการดำเนินงานในความรับผิดชอบ จะได้ไม่ติดขัดหรือเกิดปัญหาขึ้น

ลำดับแรก ที่อยากให้ทราบก็คือ การแยกประเภทของ คอนกรีตผสมเสร็จ (Ready Mixed Concrete) ให้เป็น ซึ่งประเภทของคอนกรีต ฯ สามารถแยกได้ดังนี้
             1) Cement Paste คือ ปูนซีเมนต์ผสมกับน้ำ ถ้าเป็นภาษาช่างที่โครงการ ก็จะเรียกว่าน้ำปูน
             2) Mortar คือปูนซีเมนต์ผสมกับน้ำและทราย
             3) Lean Concrete หรือคอนกรีตหยาบ ซึ่งคือคอนกรีตไม่รับแรง ใช้สำหรับงานปรับพื้น เพื่อป้องกันไม่ให้มีสิ่งแปลกปลอมเข้ามา             ปนกับคอนกรีตสำหรับงานโครงสร้าง
             4)  WaterProof Concrete หรือคอนกรีตกันซึม ส่วนมากจะใช้สำหรับงานกำแพงชั้นใต้ดิน หรืองานถังเก็บน้ำ สระว่ายน้ำ เป็นต้น
             5) Concrete Structure คือคอนกรีตโครงสร้างต่างๆ ซึ่งแยกตาม ค่าความแข็งแรง หรือ Strength ต่างๆ เช่น 240Ksc/Cyl เป็นต้น
             6)  Low Heat Concrete คือคอนกรีตความร้อนต่ำ ซึ่งส่วนมากจะใช้กันในการเทคอนกรีต Matt ใหญ่ๆ เช่น เทฐานคอนโด ฯ ที่เท                ครั้งเดียวหลายพันคิว เป็นต้น

ลำดับต่อไปที่อยากให้ทราบก็คือ การระบุกำลังรับแรงอัด ( Strength ) ซึ่งในประเทศไทย ใช้มาตรฐานของทางฝั่งอเมริกา แต่การอ้างอิงกำลังรับแรงอัด มักจะใช้ทั้ง 2 ระบบ คือ อเมริกา ( Cylinder : ทรงกระบอก ) และ อังกฤษ ( Cube : ลูกบาศก์ ) ตัวอย่างเช่น
-                    คอนกรีตกำลังอัด 240 Ksc/Cyl ( Cylinder ) หมายถึงคอนกรีตที่มีกำลังอัด 240 กก./ตร.ซม. สำหรับลูกปูนตัวอย่างทดสอบทรงกระบอก ( อ้างอิงอเมริกา )
-                    คอนกรีตกำลังอัด 240 Ksc/Cub ( Cube ) หมายถึงคอนกรีตที่มีกำลังอัด 240 กก./ตร.ซม. สำหรับลูกปูนตัวอย่างทดสอบทรงลูกบาศก์ ( อ้างอิงอังกฤษ )

รายละเอียดเรื่อง กำลังอัด อ่านได้จากลิงค์ที่ให้ไว้ด้านบน

ทีนี้ก็จะมาถึงส่วนที่ทาง ผู้รับผิดชอบฝ่ายบริหารทรัพย์สิน และคลังพัสดุ ต้องเข้ามาเกี่ยวข้องโดยตรง หลังจากที่ทางวิศวกร ได้สั่งซื้อคอนกรีตชนิดต่างๆ เข้ามาใช้งานแล้ว โดยจะมีส่วยเกี่ยวข้องเริ่มตั้งแต่
1) เก็บรวบรวมบิลส่งคอนกรีตที่มีในแต่ละวัน ให้ครบทุกใบ
2) แยกบิลส่งคอนกรีตในแต่ละวันตาม ประเภทของคอนกรีต
3) หลังจากแยกบิลส่งคอนกรีตตามประเภทของคอนกรีตแล้ว ก็ต้องแยกตาม Strength ของคอนกรีตที่ใช้งาน
4) ทำ Report จัดเก็บยอดของการใช้คอนกรีต ในแต่ละวัน เพื่อใช้เป็นข้อมูลนำเสนอให้ผู้จัดการโครงการทราบ หรือ ให้ฝ่ายที่เกี่ยวข้องได้ทราบข้อมูลเพื่อวางแผนการทำงานได้
5) รอประกบบิลส่งคอนกรีต กับใบแจ้งหนี้ของทางร้านค้าที่จะส่งเข้ามาให้ เพื่อจัดส่งให้ฝ่ายจัดซื้อ หรือฝ่ายบัญชี  เพื่อทำเรื่องจ่ายเงินตามเครดิตที่ได้รับ


ซึ่งการดำเนินการข้อที่ 5 ในแต่ละบริษัท อาจจะทำไม่เหมือนกัน บางบริษัท ร้านค้าอาจไม่ส่งใบแจ้งหนี้ให้ผู้รับผิดชอบฝ่ายบริหารทรัพย์สิน และคลังพัสดุ แต่ส่งไปให้ฝ่ายจัดซื้อ หรือฝ่ายบัญชีแทน ซึ่งในจุดนั้นก็อยู่ที่กระบวนการและขั้นตอนของแต่ละบริษัท  แต่กระบวนการโดยทั่วไปในการเก็บรวบรวมบิล ก็จะเป็นในแนวนี้

วันเสาร์ที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2559

การสั่งซื้อ เหล็กเส้นข้ออ้อย

http://app.tisi.go.th/standard/fulltext/TIS-24-2548m.pdf



ในการสั่งซื้อเหล็กเส้นข้ออ้อยเพื่อนำมาใช้ในโครงการก่อสร้างนั้น โดย เหล็กข้ออ้อยแบ่งตามส่วนประกอบทางเคมีและสมบัติทางกลออกเป็น 3 ชั้นคุณภาพ ได้แก่
(1) ชั้นคุณภาพ SD 30
(2) ชั้นคุณภาพ SD 40
(3) ชั้นคุณภาพ SD 50
ซึ่งรายละเอียดมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม  เหล็กเส้นเสริมคอนกรีต : เหล็กเส้นข้ออ้อย สามารถศึกษาได้จาก ลิงก์ ที่ให้มาข้างบน

เหล็กเส้นข้ออ้อยจะมีขนาดตั้งแต่ 6 มม. ไปจนถึง 40 มม. ซึ่งในการสั่งซื้อเหล็กเส้นข้ออ้อย ข้อสำคัญที่จะต้องระบุให้ชัดเจนก็คือ

1) ชั้นคุณภาพของเหล็กเส้นข้ออ้อย ซึ่งแบ่งออกเป็น 3ชั้นคุณภาพ คือ SD30 , SD40 , SD50
2) ขนาดของเหล็กเส้นข้ออ้อย เช่น 20 มม.
3) ความยาวต่อเส้นของเหล็กเส้นข้ออ้อย ซึ่งโดยมาตรฐานของโรงงาน จะผลิตที่ความยาว 10.00 เมตร และ 12.00 เมตร
4) น้ำหนักต่อเมตร ของเหล็กที่สั่งซื้อ คูณด้วยจำนวนเมตรต่อเส้น ได้น้ำหนักเท่าไหร่ นำไปคูณกับจำนวนเส้นของเหล็กที่จะสั่งซื้อ ก็จะได้น้ำหนักรวมที่จะสั่งซื้อ  เพราะว่าเหล็กเส้นข้ออ้อย การซื้อขายจะใช้หน่วยราคา ต่อ กิโลกรัม ในการซื้อขาย

ตัวอย่างเช่น จะสั้งซื้อเหล็กเส้นข้ออ้อย SD40 DB20 มม. x 10.00 ม. จำนวน 7000 เส้น

วิธีการหาน้ำหนักรวมก็คือ 2.466 x 10 = 24.66 กิโลกรัม ต่อเส้น
เอา 24.66 x 7000 = 172620 กิโลกรัม

จะได้น้ำหนักเหล็กที่จะสั่งซื้อเท่ากับ 172620 กิโลกรัม 
จะหาว่าหนักกี่ตัน ก็ให้นำ 1000 มาหาร ( 1 ตัน = 1000 กิโลกรัม )
ก็จะได้เท่ากับ 172620 / 1000 = 172.62 ตัน

5) ระบุยี่ห้อของเหล็กที่สั่งซื้อที่ได้รับการอนุมัติวัสดุจาก Consult เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งโดยปรกติแต่ละโครงการจะส่งอนุมัติวัสดุเหล็กเส้นกันไม่น้อยกว่า 5 ยี่ห้อ

เหตุผลที่เราต้องขออนุมัติวัสดุเหล็กเส้นกันไม่น้อยกว่า 5 ยี่ห้อ ก็เนื่องจากว่า เป็นการป้องกันสินค้าบางขนาด บางยี่ห้อ ขาดตลาดเนื่องจากเหตุผลทางการผลิต เราจึงต้องขออนุมัติวัสดุไว้หลายๆยี่ห้อ

เมื่อมาถึงขั้นตอนการจัดส่งเหล็กเส้นข้ออ้อยเข้าโครงการจากร้านค้า เรามีวิธีตรวจอย่างไรว่าเหล็กที่เราสั่งซื้อเข้ามา ร้านค้าจัดส่งถูกต้อง ทั้งขนาด ความยาว และยี่ห้อที่เราต้องการ  วิธีการตรวจเช็คก็คือ

1) เช็คที่เส้นของเหล็กจะมีชื่อผู้ผลิต ชั้นคุณภาพ และขนาด ประทับเป็นตัวนูนถาวรติดอยู่
2) เช็คจากป้ายสังกะสี ที่ผูกติดมากับมัดเหล็กทุกมัด จะระบุ ชั้นคุณภาพ ขนาด ความยาว โรงงานที่ผลิต

เมื่อตรวจเช็คเป็นที่ถูกต้องแล้ว ก็ดำเนินการรับเพื่อนำไปใช้งาน

อีกสิ่งหนึ่งที่ร้านค้าจะต้องจัดส่งมาพร้อมกับเหล็กเส้นก็คือ ใบ certificate จากโรงงานผู้ผลิต ซึ่งจะต้องออกให้ทุกครั้ง เพื่อสามารถให้ทาง Consult ตรวจสอบได้ตลอดเวลาหากเกิดข้อสงสัยในคุณภาพของเหล็กเส้น

วันศุกร์ที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2559

การสั่งซื้อ เหล็กเส้นกลม

http://www2.rid.go.th/research/vijais/moa/fulltext/TIS20-2543.pdf



ในการสั่งซื้อเหล็กเส้นกลมเพื่อนำมาใช้ในโครงการก่อสร้างนั้น เป็นเหล็กที่กำหนดในมาตรฐาน ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม มีชั้นคุณภาพเดียว ใช้สัญลักษณ์คือ SR24  ซึ่งรายละเอียดมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม  เหล็กเส้นเสริมคอนกรีต : เหล็กเส้นกลม สามารถศึกษาได้จาก ลิงก์ ที่ให้มาข้างบน

เหล็กเส้นกลมจะมีขนาดตั้งแต่ 6 มม. ไปจนถึง 34 มม. ซึ่งในการสั่งซื้อเหล็กเส้นกลม ข้อสำคัญที่จะต้องระบุให้ชัดเจนก็คือ

1) ชั้นคุณภาพของเหล็กเส้นกลม ซึ่งก็คือ SR24
2) ขนาดของเหล็กเส้นกลม เช่น 6 มม.
3) ความยาวต่อเส้นของเหล็กเส้นกลม ซึ่งโดยมาตรฐานของโรงงาน จะผลิตที่ความยาว 10.00 เมตร
4) น้ำหนักต่อเมตร ของเหล็กที่สั่งซื้อ คูณด้วยจำนวนเมตรต่อเส้น ได้น้ำหนักเท่าไหร่ นำไปคูณกับจำนวนเส้นของเหล็กที่จะสั่งซื้อ ก็จะได้น้ำหนักรวมที่จะสั่งซื้อ  เพราะว่าเหล็กเส้นกลม การซื้อขายจะใช้หน่วยราคา ต่อ กิโลกรัม ในการซื้อขาย

ตัวอย่างเช่น จะสั้งซื้อเหล็กเส้นกลมSR24 RB 6 มม. x 10.00 ม. จำนวน 7000 เส้น

วิธีการหาน้ำหนักรวมก็คือ 0.222 x 10 = 2.22 กิโลกรัม ต่อเส้น
เอา 2.22 x 7000 = 15540 กิโลกรัม

จะได้น้ำหนักเหล็กที่จะสั่งซื้อเท่ากับ 15540 กิโลกรัม
จะหาว่าหนักกี่ตัน ก็ให้นำ 1000 มาหาร ( 1 ตัน = 1000 กิโลกรัม )
ก็จะได้เท่ากับ 15540 / 1000 = 15.54 ตัน

5) ระบุยี่ห้อของเหล็กที่สั่งซื้อที่ได้รับการอนุมัติวัสดุจาก Consult เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งโดยปรกติแต่ละโครงการจะส่งอนุมัติวัสดุเหล็กเส้นกันไม่น้อยกว่า 5 ยี่ห้อ

เหตุผลที่เราต้องขออนุมัติวัสดุเหล็กเส้นกันไม่น้อยกว่า 5 ยี่ห้อ ก็เนื่องจากว่า เป็นการป้องกันสินค้าบางขนาด บางยี่ห้อ ขาดตลาดเนื่องจากเหตุผลทางการผลิต เราจึงต้องขออนุมัติวัสดุไว้หลายๆยี่ห้อ

เมื่อมาถึงขั้นตอนการจัดส่งเหล็กเส้นกลมเข้าโครงการจากร้านค้า เรามีวิธีตรวจอย่างไรว่าเหล็กที่เราสั่งซื้อเข้ามา ร้านค้าจัดส่งถูกต้อง ทั้งขนาด ความยาว และยี่ห้อที่เราต้องการ  วิธีการตรวจเช็คก็คือ

1) เช็คที่เส้นของเหล็กจะมีชื่อผู้ผลิต และขนาด ประทับเป็นตัวนูนถาวรติดอยู่
2) เช็คจากป้ายสังกะสี ที่ผูกติดมากับมัดเหล็กทุกมัด จะระบุ ชั้นคุณภาพ ขนาด ความยาว โรงงานที่ผลิต

เมื่อตรวจเช็คเป็นที่ถูกต้องแล้ว ก็ดำเนินการรับเพื่อนำไปใช้งาน

อีกสิ่งหนึ่งที่ร้านค้าจะต้องจัดส่งมาพร้อมกับเหล็กเส้นก็คือ ใบ certificate จากโรงงานผู้ผลิต ซึ่งจะต้องออกให้ทุกครั้ง เพื่อสามารถให้ทาง Consult ตรวจสอบได้ตลอดเวลาหากเกิดข้อสงสัยในคุณภาพของเหล็กเส้น











วันพุธที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2559

มาดูว่า TOR , BOQ , Budget เกี่ยวข้องกับผู้บริหารทรัพย์สิน และคลังพัสดุ อย่างไร

ในการเป็นผู้บริหารทรัพย์สิน และคลังพัสดุ สโตร์โครงการก่อสร้าง สิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องเจอก็คือ TOR , BOQ , Budget  ทีนี้เราจะมาดูความหมาย และส่วนที่เราต้องเข้าไปเกี่ยวข้อง ว่ามีอะไรบ้าง

1) TOR ย่อมาจาก Team of Reference

     ความหมายของ TOR หมายถึง ข้อกำหนดของผู้ว่าจ้าง ซึ่งประกอบด้วยรายละเอียดต่างๆ ที่ผู้ว่าจ้างต้องการให้ผู้รับจ้างทำ มีตั้งแต่ขอบเขตของงานที่ชัดเจน ระยะเวลาที่ต้องการ คุณสมบัติของผู้รับจ้าง สิ่งที่ผู้ว่าจ้างต้องการให้ทำ ขั้นตอนในการดำเนินงาน เงื่อนไขและสัญญา ในการเขียน TOR นั้น จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีความชัดเจน เพื่อให้ง่ายต่อการคัดเลือกผู้รับงาน และลดความเสี่ยงในงานที่ต้องการว่าจ้างด้วย

     ทีนี้มาดูว่า แล้ว TOR มาเกี่ยวข้องกับฝ่ายบริหารทรัพย์สิน และคลังพัสดุ สโตร์โครงการก่อสร้าง อย่างไร
     ใน TOR จะมีการระบุสิ่งที่ผู้ว่าจ้างต้องการให้ผู้รับจ้างจัดหาให้ เช่น
     จัดออฟฟิศ สำหรับ Owner กี่ตารางเมตร
     จัดออฟฟิศ สำหรับ Consult กี่ตารางเมตร
     จัดห้องประชุมส่วนกลาง กี่ตารางเมตร พร้อมโต๊ะประชุม และเก้าอี้ประชุม กี่ตัว
     จัดหาอุปกรณ์ออฟฟิศ สำหรับ Owner เช่น โต๊ะทำงาน เก้าอี้ทำงาน เครื่องถ่ายเอกสาร คอมพิวเตอร์ เครื่อง Printer เครื่องแฟ็กซ์ ตู้เย็น เครื่องทำน้ำร้อน-น้ำเย็น  เตาไมโครเวฟ เครื่องคิดเลข ตู้เก็บเอกสาร จำนวนอย่างละกี่ชุด
      จัดหาอุปกรณ์ออฟฟิศ สำหรับ Consult เช่น โต๊ะทำงาน เก้าอี้ทำงาน เครื่องถ่ายเอกสาร คอมพิวเตอร์ เครื่อง Printer เครื่องแฟ็กซ์ ตู้เย็น เครื่องทำน้ำร้อน-น้ำเย็น  เตาไมโครเวฟ เครื่องคิดเลข ตู้เก็บเอกสาร จำนวนอย่างละกี่ชุด


       ซึ่งทรัพย์สินเหล่านี้ ทางฝ่ายบริหารทรัพย์สิน และคลังพัสดุ จะต้องจัดหาเข้ามาให้ หากไม่มีของอยู่ ก็จะต้องสั่งซื้อใหม่ ซึ่งในการสั่งซื้อใหม่ ก็จะต้องขอรายละเอียดใน TOR ว่ามีข้อกำหนดหรือไม่ และถ้ามี กำหนดไว้ที่จำนวนเท่าใด เพื่อที่จะได้สั่งซื้อให้ครบถ้วน หรือถ้าหากมีการสั่งซื้อเกินจำนวนที่ TOR กำหนดไว้ ก็จะได้ให้ทางผู้จัดการโครงการ ทำหนังสือชี้แจงถึงเหตุผลที่ซื้อเกิน ให้ผู้มีอำนาจในการอนุมัติ ได้รับทราบเพื่อพิจารณา  และที่สำคัญ ต้องถ่ายสำเนา TOR แนบใบสั่งซื้อ ( PR ) เพื่อให้ผู้เกี่ยวข้องได้รับทราบ

2) BOQ ย่อมาจาก Bill of Quantities

     ความหมายของ BOQ คือบัญชีแสดงปริมาณวัสดุ และแรงงาน ที่ใช้ในการก่อสร้าง โดยแยกวัสดุออกเป็นหน่วยของแต่ละประเภท พร้อมด้วยราคาวัสดุ และค่าแรงงาน โดยทั่วไป BOQ จะประกอบไปด้วยหัวข้อดังนี้
     2.1) หมวดงานโครงสร้าง ก็จะประกอบไปด้วย ค่าวัสดุและค่าแรงงาน ดังนี้
             - งานเสาเข็ม และฐานราก
             - งานคอนกรีตและแบบหล่อ
             - งานเหล็กเสริม
             - งานแผ่นพื้นสำเร็จรูป  เป็นต้น
      2.2) หมวดงานสถาปัตย์  ก็จะประกอบไปด้วย ค่าวัสดุและค่าแรงงาน ดังนี้
             - งานหลังคาและวัสดุมุง
             - งานผนังก่อและฉาบ
             - งานฝ้าเพดาน

               - งานกระเบื้อง
               - งานสุขภัณฑ์
               - งานประตูหน้าต่าง
               - งานสี เป็นต้น
         2.3) หมวดงานระบบ
               - งานไฟฟ้า
               - งานประปา
               - งานสุขาภิบาล เป็นต้น
             
           ทีนี้มาดูว่า แล้ว BOQ มาเกี่ยวข้องกับฝ่ายบริหารทรัพย์สิน และคลังพัสดุ สโตร์โครงการก่อสร้าง อย่างไร
          ในการสั่งซื้อวัสดุหลักเพื่อนำมาใช้ในโครงการ เช่น เหล็กเส้น คอนกรีต อิฐต่างๆ ปูนซีเมนต์ กระเบื้อง วงกบ-ประตู  สี หรือสุขภัณฑ์ เป็นต้น ในวัสดุแต่ละประเภท BOQ จะระบุปริมาณกำหนดไว้แล้วว่า ทั้งโครงการจะต้องใช้ในปริมาณเท่าไหร่ เมื่อสั่งซื้อเข้ามาใช้งาน ก็จะต้องดู BOQ ประกอบด้วย เพื่อไม่ให้เกิดการสั่งซื้อที่เกินปริมาณที่กำหนด หรือเมื่อการสั่งซื้อครั้งนั้น เกินปริมาณที่กำหนดใน BOQ แล้ว ก็จะต้องแจ้งให้ทาง ผู้จัดการโครงการทราบ เพื่อหาสาเหตุที่สั่งซื้อเกิน ว่าเกิดจากสาเหตุใด เช่น เกิดจากงานเพิ่ม  เกิดจากการติดตั้งแล้วเสียหาย เพื่อที่จะได้ทำหนังสือชี้แจงให้ผู้มีอำนาจอนุมัติ ได้รับทราบเพื่อพิจารณาอนุมัติจัดซื้อต่อไป

3) Budget ( งบประมาณ )

        ความหมายของ Budget ( งบประมาณ ) คือ การวางแผนการเงินที่คาดว่าจะต้องจ่ายทั้งโครงการ เพื่อการก่อสร้าง โดยเป็นการคิดประเมินล่วงหน้า และแสดงข้อมูลออกมาเป็นตัวเลขในรูปของจำนวนเงิน

        นี้มาดูว่า แล้ว Budget ( งบประมาณ ) มาเกี่ยวข้องกับฝ่ายบริหารทรัพย์สิน และคลังพัสดุ สโตร์โครงการก่อสร้าง อย่างไร

        ในการก่อสร้างแต่ละโครงการ ก็จะมีการแยก Cost Code ค่าใช้จ่ายของงานแต่ละส่วนออกจากกัน เพื่อให้สามารถมองเห็น Budget ( งบประมาณ ) ที่ใช้ไปว่า มีมูลค่าเท่าไหร่ เกินหรือยัง หรือยังคงเหลืออีกเท่าไหร่ เพื่อเป็นข้อมูลในการบริหารจัดการ เช่น

        - งานคอนกรีต ตั้ง Budget ไว้ 20,000,000.00 บาท ซื้อไปแล้ว 19,000,000.00 บาท เหลือ Budget อยู่เพียง 1,000,000.00 บาท แต่งานโครงสร้างยังไม่เสร็จ เหลือปริมาณงานที่ต้องใช้อีกมาก ข้อมูลส่วนนี้ ทาง  ฝ่ายบริหารทรัพย์สิน และคลังพัสดุ สโตร์โครงการก่อสร้าง จะต้องทราบ เพื่อแจ้งให้ทาง ผู้จัดการโครงการทราบข้อมูล สำหรับพิจารณาบริหารโครงการต่อไป

จะเห็นว่า ทั้ง TOR , BOQ , Budget ล้วนแต่เกี่ยวข้องกับ ฝ่ายบริหารทรัพย์สิน และคลังพัสดุ สโตร์โครงการก่อสร้าง ทั้ง 3 ส่วน ดังนั้น เมื่อเข้ามาดำเนินงานในส่วนนี้ จึงควรศึกษาเป็นความรู้เอาไว้









วันจันทร์ที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2559

บรรยากาศโครงการก่อสร้าง


ในการทำงานที่โครงการก่อสร้าง บรรยากาศการทำงานมักจะวุ่นวายอยู่เสมอ ทั้งบรรยากาศการส่งวัสดุเข้าจากร้านค้า  ไม่ว่าจะส่งเหล็กเส้น  ส่งอิฐ ส่งปูน ส่งกระเบื้อง หรืออื่นๆ ยิ่งช่วงที่งานก่ออิฐ-ฉาบปูน งานสถาปัตย์ เริ่มดำเนินการแล้ว วัสดุต่างๆจะต้องวางกำหนดการจัดส่งให้ทันการใช้งาน ดังนั้นการวางแผนงาน จึงเป็นสิ่งที่ผู้ดูแล ทรัพย์สิน และคลังพัสดุ จะต้องวางแผนและประสานงานให้ดี  หรือการจะนำเหล็กเส้นเข้าโครงการ ก็ต้องดูด้วยว่าพื้นที่ที่โครงการตั้งอยู่นั้น  รถขนส่งสามารถวิ่งเข้าได้เวลาไหนได้ จะได้วางแผนเครื่องจักร และทีมลงให้เรียบร้อย  ที่สำคัญ หากเวลาที่ลงได้เป็นเวลากลางคืน จะต้องเคลียบ้านข้างเคียงให้เรียบร้อย ในเรื่องผลกระทบทางด้านเสียง เป็นต้น

หรือบรรยากาศวันเทคอนกรีต ทางฝ่ายบริหารทรัพย์สิน และคลังพัสดุ ก็จะต้องเตรียมเครื่องมือให้พร้อม ทั้ง เครื่องจี้คอนกรีต  สายจี้คอนกรีต  เครื่องขัดมัน  น้ำมันเบนซินสำหรับใส่เครื่องจี้คอนกรีตและเครื่องขัดมัน ต้องเตรียมให้เรียบร้อย

ที่สำคัญคือ บุคลากรที่ทำงานในโครงการ อาจจะมีแรงงานต่างชาติเข้ามาดำเนินงานด้วย ดังนั้นการสื่อสาร การดูแล จะต้องระมัดระวัง โดนเฉพาะเครื่องมือและวัสดุที่มีมูลค่าสูง ในการจะยืม หรือจะเบิกใช้งาน ต้องรอบคอบรัดกุมที่สุด

การเตรียมงานในด้านงานรักษาความปลอดภัย

ในการสร้างตึกสักตึกหนึ่ง สิ่งที่ขาดไม่ได้เลยก็คือ งานด้านรักษาความปลอดภัยและรักษาสิ่งแวดล้อม  ซึ่งมันจะต้องมีส่วนที่ผู้บริหารทรัพย์สิน และคลังพัสดุ จะต้องมีข้อมูลในการเตรียมวัสดุอุปกรณ์ ให้กับทีม Safety สำหรับใช้ดำเนินการ  ซึ่งในเรื่องนี้ จะขอกล่าวถึงวัสดุอุปกรณ์คร่าวๆดังนี้

1) เข็มขัดนิรภัย


2) ผ้า Mesh Sheet สำหรับกันฝุ่น


3) ตาข่ายร่องถี่กันฝุ่น





วันเสาร์ที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2559

การเตรียมงาน หลังจากตึกพ้นชั้นใต้ดินแล้ว

เมื่อวันที่ 7 กันยายนที่ผ่านมา เขียนเรื่องการเตรียมงานสำหรับชั้นใต้ดิน  ดังนั้น ในวันนี้ จึงจะมาเขียนในส่วนของการเตรียมงาน หลังจากตึกพ้นชั้นใต้ดินขึ้นมาแล้ว ว่าหน้าที่ของผู้บริหารทรัพย์สิน และคลังพัสดุ จะต้องเตรียมตัว เพื่อลำเลียงเครื่องมือ และพัสดุ สำหรับเอามาดำเนินงานก่อสร้าง มีอะไรบ้าง

1) เมื่อชั้นใต้ดินเสร็จ แน่นอนว่า เหล็ก Sheet Pile จะต้องถูกถอน  King Post จะต้องถูกรื้อถอน  Plate From จะต้องถูกรื้อถอน  ดังนั้นเราจะต้องมาเตรียมการเรื่อง รถเทลเลอร์ ที่จะต้องเข้ามาขนย้ายวัสดุพวกนี้กลับออกไปจากโครงการของเรา ทีนี้มันก็จะต้องมาถึงขั้นตอนการประสานงานแล้วว่า


     1.1 ) เวลารถเข้า จะสามารถเข้าโครงการของเราได้เวลาไหน  โดยเฉพาะเขตกรุงเทพ ซึ่งมีกำหนดระยะเวลาเข้าออกของรถประเภทนี้อยู่  นี่ก็เป็นเรื่องที่จะต้องรับทราบเอาไว้
     1.2) ประสานทีมที่รับผิดชอบ ในการขึ้นวัสดุให้เรา ว่าเป็นทีมไหน
     1.3) ประสานเครื่องจักรที่จะยกวัสดุขึ้นรถให้เรา
     1.4) จัดคนของฝ่ายบริหารทรัพย์สินและคลังพัสดุ ในการตรวจนับจำนวน การวัดความยาว ( ของ Sheet Pile และ เหล็ก H-Beam )  การเช็ค Type ( ของ Sheet Pile )
     1.5) ที่สำคัญคือตัวของผู้รับผิดชอบ บริหารทรัพย์สินและคลังพัสดุ จะต้องอยู่ดูแล การโอนย้ายออกวัสดุพวกนี้ ให้เรียบร้อย อย่าลืมว่าวัสดุพวกนี้เป็นวัสดุที่มีมูลค่าสูง และที่สำคัญคือมันมีอำนาจพิเศษที่อยู่ในตัวของวัสดุพวกนี้ ที่จะล่อลวงให้คนเกิดความอยากได้ อยากทุจริตง่ายๆ ดังนั้น ผู้รับผิดชอบ บริหารทรัพย์สินและคลังพัสดุ จะต้องอยู่ดูแล การโอนย้ายออกวัสดุพวกนี้ ให้เรียบร้อยก่อนเสมอ
2) การเตรียมข้อมูลเพื่อนำเข้าวัสดุในการก่อสร้างประเภทงานไม้แบบ ก็จะประกอยไปด้วย
     2.1) จะใช้อุปกรณ์ Table Form กี่ตารางเมตร ( ใน 1 ชุดก็จะมีขนาดตารางเมตรไม่เท่ากัน แล้วแต่บริษัทผู้ผลิต/ให้เช่า ทำออกมา ) กำหนดการเข้า จะให้เอาเข้าตอนไหน  ซึ่งสิ่งสำคัญคือ ใน 1 ชุดของ Table Form มันมีอุปกรณ์อยู่มาก เช่น ขาโต๊ะ ล้อเหล็ก Beam คำ้ยัน เหล็กตัว C เป็นต้น  ความรู้ในเรื่อง Table Form จึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะต้องรู้ เพื่อที่จะได้นำมาเป็นข้อมูล ในการเก็บรายการวัสดุ ว่าเรานำเข้ามากี่ชิ้น ในแต่ละวัสดุประกอบ Table Form โดยเฉพาะหากเป็นการเช่าจากข้างนอกยิ่งสำคัญ เพราะเมื่องานแล้วเสร็จ หากเราคืนไม่ครบ หรือเราบันทึกข้อมูลผิดเพราะเราไม่รู้จักของ  เราจะโดนเคลมค่าเสียหายสูงมาก


     2.2) จะใช้อุปกรณ์นั่งร้านญี่ปุน ( Form Work ) ขนาดเท่าไหร่ 1.90 เมตร , 1.70 เมตร , 1.50 เมตร , 1.20 เมตร , 0.90 เมตร หรือ 0.50 เมตร  เมื่อรู้ขนาดแล้ว ก็ต้องรู้ว่า แต่ละขนาด ใช้ขาตะเกียบความยาวเท่าไหร่  ต้องใช้ข้อต่อกี่ตัว  สิ่งเหล่านี้เราต้องประสานงานกับทางผู้จัดการโครงการ หรือวิศวกรโครงการให้ดี ทั้งปริมาณ และกำหนดการนำเข้า ต้องวางแผนงานล่วงหน้า  เพราะถ้าของบริษัท ฯ ไม่มี ก็ต้องเช่าจากข้างนอกเข้ามา


     2.3) เหล็กกล่อง ที่จะต้องใช้ในงานไม้แบบ ต้องถามขนาดที่จะใช้ จำนวนที่จะใช้ และวันนำเข้า เพื่อการสั่งซื้อที่จะต้องใช้เวลาสอบเทียบราคาให้ได้ประโยชน์มากที่สุด
     2.4) ไม้อัด ที่จะต้องใช้ในงานไม้แบบ ต้องถามขนาดที่จะใช้ จำนวนที่จะใช้ และวันนำเข้า เพื่อการสั่งซื้อที่จะต้องใช้เวลาสอบเทียบราคาให้ได้ประโยชน์มากที่สุด และจะใช้ไม้อัดชนิดไหน ไม้อัดเคลือบฟิล์มดำ หรือไม้อัดแดงธรรมดา
     2.5) เหล็กแป๊ปกลม พร้อมมือเสือที่จะต้องใช้รัดตรึงนั่งร้าน
     2.6) น้ำยาทาแบบ เป็นต้น
3) การเตรียมข้อมูลสั่งซื้อเหล็กเส้น และวัสดุประกอบ
     3.1) สอบถามวิศวกรออฟฟิศ หรือวิศวกรโครงการ หรือผู้จัดการโครงการว่า หน่วยงานของเรา ส่งเหล็กอนุมัติกี่ยี่ห้อ มีอะไรบ้างที่ได้รับการอนุมัติจาก Consult
     3.2) ถามให้แน่ใจในการสั่งซื้อเหล็กเส้นทุกครั้งว่า ให้สั่งซื้อเหล็กชั้นคุณภาพไหน SR24 , SD30 , SD40 หรือ SD50 เพราะถ้าสั่งมาผิดไม่ถามให้ถูกต้องก่อน ปัญหาที่จะตามมาก็จะยาว ที่สำคัญที่สุดคือ หน่วยงานจะเสียเวลาในการก่อสร้างไป
     3.3) สั่งซื้อเหล็กเส้นแล้ว ก็ต้องสั่งซื้อลวดผูกเหล็กด้วย
4) คอนกรีต  สำหรับคอนกรีตในการสั่งนั้น ทางฝ่ายบริหารทรัพย์สินและคลังพัสดุจะไม่ได้เป็นคนสั่ง ผู้ที่สั่งโดยตรงมักจะเป็น วิศวกรโครงการ ทางฝ่ายบริหารทรัพย์สินและคลังพัสดุจะมีหน้าที่ในการเก็บรวบรวมใบส่ง เพื่อประกบใบแจ้งหนี้ ส่งบัญชีหรือจัดซื้อ เพื่อรอชำระค่าสินค้าเท่านั้น  แต่สิ่งที่ฝ่ายบริหารทรัพย์สินและคลังพัสดุ ควรจะรู้ไว้ก็คือ ชนิดคอนกรีต เช่น Lean , Mortat , Concrete Structure , Waterproof Concrete ,  Low Heat Concrete  และต้องรู้วิธีการจัดเก็บข้อมูลการเทคอนกรีต รายวัน รายเดือน ตลอดทั้งโครงการด้วย เพื่อเป็นข้อมูลนำเสนอให้ผู้จัดการโครงการได้รับทราบ
5) วัสดุงานก่อฉาบ เมื่องานโครงสร้างเริ่มขึ้นสู่ชั้นบนแล้ว สิ่งที่จะต้องเตรียมนำเข้าวัสดุลำดับต่อไป ก็คือ วัสดุประเภทก่อ - ฉาบ
     5.1) วัสดุที่ใช้ก่อก็จะประกอบไปด้วย อิฐมอญ ( ซึ่งมีหลากหลาย Spec )  อิฐบล็อก ( ซึ่งมีหลากหลาย Spec ) หรืออิฐมวลเบา  อย่างอิฐมวลเบาก็ต้องถามว่าโครงการระบุ Spec ไหนที่ต้องใช้ ชั้นคุณภาพ G2 หรือ G4 เป็นต้น




     5.2) ปูนก่อ ก็จะมีทั้งปูนก่อทั่วไป และ ปูนก่ออิฐมวลเบา ซึ่งก็ต้องสอบถามวิศวกรให้ดีว่าจะใช้ปูนก่อประเภทไหน  และขออนุมัติวัสดุกับทาง Consult ไปกี่ยี่ห้อ และได้รับการอนุมัติใช้วัสดุมากี่ยี่ห้อ เวลาเราเปิดใบสั่งซื้อ เราจะได้เปิดให้ถูกตามที่ทาง Consult อนุมัติ
     5.3) ปูนฉาบ ก็จะมีทั้งปูนฉาบทั่วไป และ ปูนฉาบอิฐมวลเบา ซึ่งก็ต้องสอบถามวิศวกรให้ดีว่าจะใช้ปูนฉาบประเภทไหน  และขออนุมัติวัสดุกับทาง Consult ไปกี่ยี่ห้อ และได้รับการอนุมัติใช้วัสดุมากี่ยี่ห้อ เวลาเราเปิดใบสั่งซื้อ เราจะได้เปิดให้ถูกตามที่ทาง Consult อนุมัติ
     5.4) คอนกรีตแห้ง สำหรับงานเทเสาเอ็น ทับหลัง ซึ่งก็ต้องสอบถามวิศวกรให้ดีว่าจะใช้คอนกรีตแห้งที่ขออนุมัติวัสดุกับทาง Consult ไปกี่ยี่ห้อ และได้รับการอนุมัติใช้วัสดุมากี่ยี่ห้อ เวลาเราเปิดใบสั่งซื้อ เราจะได้เปิดให้ถูกตามที่ทาง Consult อนุมัติ
     5.5) วัสดุประกอบงานก่อฉาบอื่นๆ เช่น ตะแกรงกรงไก่  น้ำยาผสมปูนฉาบ เป็นต้น
6) วัสดุงานสถาปัตย์
     6.1) วงกบ - บานประตู ใช้แบบไหน  ไม้จริงหรือเปล่า ถ้าไม้จริง เป็นไม้อะไร ไม้สัก ไม้แดง ไม้ตะเคียนทอง เป็นต้น  เราต้องรู้จักคุณสมบัติพิเศษของไม้ไว้บ้าง เช่น ไม้ตะเคียนทองของแท้ จะต้องมีรูมอด
     6.2) กระเบื้องปูพื้น ปูผนัง โมเสค หินแกรนิต  ซึ่งจะต้องผ่านการอนุมัติวัสดุจาก Consult เรียบร้อยแล้ว และบางโครงการใช้กระเบื้องเป็น 10 ชนิด ดังนั้นต้องมีข้อมูลที่ถูกต้องแม่นยำ
     6.3) วัสดุสุขภัณฑ์  ซึ่งจะต้องผ่านการอนุมัติวัสดุจาก Consult เรียบร้อยแล้ว
     6.4) อุปกรณ์ประกอบงานประตู  ซึ่งจะต้องผ่านการอนุมัติวัสดุจาก Consult เรียบร้อยแล้ว
7) วัสดุงานสี
     7.1) สีรองพื้น
     7.2) สีจริง
      ซึ่งจะต้องผ่านการอนุมัติวัสดุจาก Consult เรียบร้อยแล้ว  และสีก็เป็นอะไรที่มีรายละเอียดเยอะมาก ทั้งเฉดสี รหัสของสี  ในแต่ละชนิดยี่ห้อ  ดังนั้นจะต้องมีข้อมูลที่ถูกต้องแม่นยำ