วันจันทร์ที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2559

แนะนำน่าน บ้านเกิดเมืองนอนของธงชัย NAN Thailand

พักยกมาแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของจังหวัดน่าน กันสักเล็กน้อย น่าน เมืองแห่งธรรมชาติ และผู้คนที่มีรอยยิ้มอยู่เสมอ น่านเมืองที่ยังมีวัฒนธรรมที่น่าค้นหา น่าน ล้านนาตะวันออกที่คุณน่าจะลองไปสัมผัสสักครั้ง

วันนี้ขอแนะนำสถานที่ๆไม่น่าพลาด  ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณเจ้าของรูปภาพทุกท่าน ที่นำมาเผยแพร่ในที่นี้กันทุกๆท่านน่ะครับ  เรามาแนะนำกันเลย


จุดชมวิวดอยเสมอดาว เป็นจุดที่ชมทะเลหมอกและพระอาทิตย์ขึ้นยามเช้า ซึ่งท่านสามารถมองเห็นได้รอบทิศทาง เห็นวิวทิวทัศน์ของแม่น้ำน่านที่ทอดยาวในหุบเขาและเห็นยอดผาชู้ที่ตั้ง ตระหง่านอยู่ข้างหน้า ในตอนเย็นท่านสามารถมองเห็นพระอาทิตย์ตกได้ด้วย

สถานที่ตั้ง อำเภอนาน้อย จังหวัดน่าน


วัดพระธาติเขาน้อย อยู่ก่อนเข้าตัวเมืองน่าน เป็นวัดที่ตั้งอยู่บนเขา สามารถมองลงมาเห็นวิวตัวเมืองน่านได้

สถานที่ตั้ง อำเภอเมือง จังหวัดน่าน


งาช้างดำ 1 เดียวในเมืองไทย ตั้งแสดงอยู่ในพิพิธภัณฑ์สถานแห่งช่าติ น่าน

สถานที่ตั้ง อำเภอเมือง จังหวัดน่าน


วัดช้างค้ำวรวิหาร วัดที่พระธาตุมีรูปปั้นช้างค้ำอยู่โดยรอบ

สถานที่ตั้ง อำเภอเมือง จังหวัดน่าน


วัดภูมินทร์ เป็นวัดที่มีจิตรกรรมฝาผนังอันลือชื่อ ปู่ม่านย่าม่าน กระซิบรัก

สถานที่ตั้ง อำเภอเมือง จังหวัดน่าน


กระซิบรักบรรลือโลก ภาพจิตรกรรมฝาผนังที่วัดภูมินทร์ ภาพของปู่ม่านย่าม่าน

สถานที่ตั้ง อำเภอเมือง จังหวัดน่าน


วัดพระธาตุแช่แห้ง วัดคู่บ้านคู่เมือง ของจังหวัดน่าน

สถานที่ตั้ง อำเภอเมือง จังหวัดน่าน


วังศิลาแลง โตรกหินธรรมชาติ ที่สวยงามยิ่ง ของเมืองปัว

สถานที่ตั้ง อำเภอปัว จังหวัดน่าน

เล็กๆน้อยๆ ที่ยังไงก็อยากอวดว่า น่าน มีดี มากกว่าที่คุณคิด แวะไปสักครั้ง แล้วคุณจะหลงรัก น่าน












วันอาทิตย์ที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2559

การสั่งซื้อคอนกรีตผสมเสร็จ

http://services.dpt.go.th/dpt_rsbldg/modules/standard/data_standard/Std_ts_method/1210.pdf
http://www.satengnok.go.th/image/mypic_customize/files/1_lek.pdf


การสั่งซื้อ คอนกรีตผสมเสร็จ (Ready Mixed Concrete) เพื่อใช้ในโครงการก่อสร้าง โดยส่วนมากแล้วมันเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับงานทางด้านวิศวกรรม ซึ่งผู้ที่รับผิดชอบในการสั่งซื้อคอนกรีตมักจะเป็น วิศวกร ที่ดูแลงานนั้นๆอยู่  แล้วฝ่ายบริหารทรัพย์สิน และคลังพัสดุ มาเกี่ยวข้องกับงานสั่งซื้อ คอนกรีตผสมเสร็จ (Ready Mixed Concrete) ได้อย่างใร ในเรื่องนี้จะทำให้ทราบว่ามีส่วนไหนบ้างที่เป็นส่วนรับผิดชอบที่ทางฝ่ายบริหารทรัพย์สิน และคลังพัสดุ จะต้องเข้ามาดูแล
ก่อนอื่นอยากให้ทางผู้รับผิดชอบฝ่ายบริหารทรัพย์สิน และคลังพัสดุ ได้ทราบเกี่ยวกับ คอนกรีตผสมเสร็จ (Ready Mixed Concrete) เป็นความรู้พื้นฐานไว้บ้าง เพื่อที่ในการดำเนินงานในความรับผิดชอบ จะได้ไม่ติดขัดหรือเกิดปัญหาขึ้น

ลำดับแรก ที่อยากให้ทราบก็คือ การแยกประเภทของ คอนกรีตผสมเสร็จ (Ready Mixed Concrete) ให้เป็น ซึ่งประเภทของคอนกรีต ฯ สามารถแยกได้ดังนี้
             1) Cement Paste คือ ปูนซีเมนต์ผสมกับน้ำ ถ้าเป็นภาษาช่างที่โครงการ ก็จะเรียกว่าน้ำปูน
             2) Mortar คือปูนซีเมนต์ผสมกับน้ำและทราย
             3) Lean Concrete หรือคอนกรีตหยาบ ซึ่งคือคอนกรีตไม่รับแรง ใช้สำหรับงานปรับพื้น เพื่อป้องกันไม่ให้มีสิ่งแปลกปลอมเข้ามา             ปนกับคอนกรีตสำหรับงานโครงสร้าง
             4)  WaterProof Concrete หรือคอนกรีตกันซึม ส่วนมากจะใช้สำหรับงานกำแพงชั้นใต้ดิน หรืองานถังเก็บน้ำ สระว่ายน้ำ เป็นต้น
             5) Concrete Structure คือคอนกรีตโครงสร้างต่างๆ ซึ่งแยกตาม ค่าความแข็งแรง หรือ Strength ต่างๆ เช่น 240Ksc/Cyl เป็นต้น
             6)  Low Heat Concrete คือคอนกรีตความร้อนต่ำ ซึ่งส่วนมากจะใช้กันในการเทคอนกรีต Matt ใหญ่ๆ เช่น เทฐานคอนโด ฯ ที่เท                ครั้งเดียวหลายพันคิว เป็นต้น

ลำดับต่อไปที่อยากให้ทราบก็คือ การระบุกำลังรับแรงอัด ( Strength ) ซึ่งในประเทศไทย ใช้มาตรฐานของทางฝั่งอเมริกา แต่การอ้างอิงกำลังรับแรงอัด มักจะใช้ทั้ง 2 ระบบ คือ อเมริกา ( Cylinder : ทรงกระบอก ) และ อังกฤษ ( Cube : ลูกบาศก์ ) ตัวอย่างเช่น
-                    คอนกรีตกำลังอัด 240 Ksc/Cyl ( Cylinder ) หมายถึงคอนกรีตที่มีกำลังอัด 240 กก./ตร.ซม. สำหรับลูกปูนตัวอย่างทดสอบทรงกระบอก ( อ้างอิงอเมริกา )
-                    คอนกรีตกำลังอัด 240 Ksc/Cub ( Cube ) หมายถึงคอนกรีตที่มีกำลังอัด 240 กก./ตร.ซม. สำหรับลูกปูนตัวอย่างทดสอบทรงลูกบาศก์ ( อ้างอิงอังกฤษ )

รายละเอียดเรื่อง กำลังอัด อ่านได้จากลิงค์ที่ให้ไว้ด้านบน

ทีนี้ก็จะมาถึงส่วนที่ทาง ผู้รับผิดชอบฝ่ายบริหารทรัพย์สิน และคลังพัสดุ ต้องเข้ามาเกี่ยวข้องโดยตรง หลังจากที่ทางวิศวกร ได้สั่งซื้อคอนกรีตชนิดต่างๆ เข้ามาใช้งานแล้ว โดยจะมีส่วยเกี่ยวข้องเริ่มตั้งแต่
1) เก็บรวบรวมบิลส่งคอนกรีตที่มีในแต่ละวัน ให้ครบทุกใบ
2) แยกบิลส่งคอนกรีตในแต่ละวันตาม ประเภทของคอนกรีต
3) หลังจากแยกบิลส่งคอนกรีตตามประเภทของคอนกรีตแล้ว ก็ต้องแยกตาม Strength ของคอนกรีตที่ใช้งาน
4) ทำ Report จัดเก็บยอดของการใช้คอนกรีต ในแต่ละวัน เพื่อใช้เป็นข้อมูลนำเสนอให้ผู้จัดการโครงการทราบ หรือ ให้ฝ่ายที่เกี่ยวข้องได้ทราบข้อมูลเพื่อวางแผนการทำงานได้
5) รอประกบบิลส่งคอนกรีต กับใบแจ้งหนี้ของทางร้านค้าที่จะส่งเข้ามาให้ เพื่อจัดส่งให้ฝ่ายจัดซื้อ หรือฝ่ายบัญชี  เพื่อทำเรื่องจ่ายเงินตามเครดิตที่ได้รับ


ซึ่งการดำเนินการข้อที่ 5 ในแต่ละบริษัท อาจจะทำไม่เหมือนกัน บางบริษัท ร้านค้าอาจไม่ส่งใบแจ้งหนี้ให้ผู้รับผิดชอบฝ่ายบริหารทรัพย์สิน และคลังพัสดุ แต่ส่งไปให้ฝ่ายจัดซื้อ หรือฝ่ายบัญชีแทน ซึ่งในจุดนั้นก็อยู่ที่กระบวนการและขั้นตอนของแต่ละบริษัท  แต่กระบวนการโดยทั่วไปในการเก็บรวบรวมบิล ก็จะเป็นในแนวนี้

วันเสาร์ที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2559

การสั่งซื้อ เหล็กเส้นข้ออ้อย

http://app.tisi.go.th/standard/fulltext/TIS-24-2548m.pdf



ในการสั่งซื้อเหล็กเส้นข้ออ้อยเพื่อนำมาใช้ในโครงการก่อสร้างนั้น โดย เหล็กข้ออ้อยแบ่งตามส่วนประกอบทางเคมีและสมบัติทางกลออกเป็น 3 ชั้นคุณภาพ ได้แก่
(1) ชั้นคุณภาพ SD 30
(2) ชั้นคุณภาพ SD 40
(3) ชั้นคุณภาพ SD 50
ซึ่งรายละเอียดมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม  เหล็กเส้นเสริมคอนกรีต : เหล็กเส้นข้ออ้อย สามารถศึกษาได้จาก ลิงก์ ที่ให้มาข้างบน

เหล็กเส้นข้ออ้อยจะมีขนาดตั้งแต่ 6 มม. ไปจนถึง 40 มม. ซึ่งในการสั่งซื้อเหล็กเส้นข้ออ้อย ข้อสำคัญที่จะต้องระบุให้ชัดเจนก็คือ

1) ชั้นคุณภาพของเหล็กเส้นข้ออ้อย ซึ่งแบ่งออกเป็น 3ชั้นคุณภาพ คือ SD30 , SD40 , SD50
2) ขนาดของเหล็กเส้นข้ออ้อย เช่น 20 มม.
3) ความยาวต่อเส้นของเหล็กเส้นข้ออ้อย ซึ่งโดยมาตรฐานของโรงงาน จะผลิตที่ความยาว 10.00 เมตร และ 12.00 เมตร
4) น้ำหนักต่อเมตร ของเหล็กที่สั่งซื้อ คูณด้วยจำนวนเมตรต่อเส้น ได้น้ำหนักเท่าไหร่ นำไปคูณกับจำนวนเส้นของเหล็กที่จะสั่งซื้อ ก็จะได้น้ำหนักรวมที่จะสั่งซื้อ  เพราะว่าเหล็กเส้นข้ออ้อย การซื้อขายจะใช้หน่วยราคา ต่อ กิโลกรัม ในการซื้อขาย

ตัวอย่างเช่น จะสั้งซื้อเหล็กเส้นข้ออ้อย SD40 DB20 มม. x 10.00 ม. จำนวน 7000 เส้น

วิธีการหาน้ำหนักรวมก็คือ 2.466 x 10 = 24.66 กิโลกรัม ต่อเส้น
เอา 24.66 x 7000 = 172620 กิโลกรัม

จะได้น้ำหนักเหล็กที่จะสั่งซื้อเท่ากับ 172620 กิโลกรัม 
จะหาว่าหนักกี่ตัน ก็ให้นำ 1000 มาหาร ( 1 ตัน = 1000 กิโลกรัม )
ก็จะได้เท่ากับ 172620 / 1000 = 172.62 ตัน

5) ระบุยี่ห้อของเหล็กที่สั่งซื้อที่ได้รับการอนุมัติวัสดุจาก Consult เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งโดยปรกติแต่ละโครงการจะส่งอนุมัติวัสดุเหล็กเส้นกันไม่น้อยกว่า 5 ยี่ห้อ

เหตุผลที่เราต้องขออนุมัติวัสดุเหล็กเส้นกันไม่น้อยกว่า 5 ยี่ห้อ ก็เนื่องจากว่า เป็นการป้องกันสินค้าบางขนาด บางยี่ห้อ ขาดตลาดเนื่องจากเหตุผลทางการผลิต เราจึงต้องขออนุมัติวัสดุไว้หลายๆยี่ห้อ

เมื่อมาถึงขั้นตอนการจัดส่งเหล็กเส้นข้ออ้อยเข้าโครงการจากร้านค้า เรามีวิธีตรวจอย่างไรว่าเหล็กที่เราสั่งซื้อเข้ามา ร้านค้าจัดส่งถูกต้อง ทั้งขนาด ความยาว และยี่ห้อที่เราต้องการ  วิธีการตรวจเช็คก็คือ

1) เช็คที่เส้นของเหล็กจะมีชื่อผู้ผลิต ชั้นคุณภาพ และขนาด ประทับเป็นตัวนูนถาวรติดอยู่
2) เช็คจากป้ายสังกะสี ที่ผูกติดมากับมัดเหล็กทุกมัด จะระบุ ชั้นคุณภาพ ขนาด ความยาว โรงงานที่ผลิต

เมื่อตรวจเช็คเป็นที่ถูกต้องแล้ว ก็ดำเนินการรับเพื่อนำไปใช้งาน

อีกสิ่งหนึ่งที่ร้านค้าจะต้องจัดส่งมาพร้อมกับเหล็กเส้นก็คือ ใบ certificate จากโรงงานผู้ผลิต ซึ่งจะต้องออกให้ทุกครั้ง เพื่อสามารถให้ทาง Consult ตรวจสอบได้ตลอดเวลาหากเกิดข้อสงสัยในคุณภาพของเหล็กเส้น

วันศุกร์ที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2559

การสั่งซื้อ เหล็กเส้นกลม

http://www2.rid.go.th/research/vijais/moa/fulltext/TIS20-2543.pdf



ในการสั่งซื้อเหล็กเส้นกลมเพื่อนำมาใช้ในโครงการก่อสร้างนั้น เป็นเหล็กที่กำหนดในมาตรฐาน ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม มีชั้นคุณภาพเดียว ใช้สัญลักษณ์คือ SR24  ซึ่งรายละเอียดมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม  เหล็กเส้นเสริมคอนกรีต : เหล็กเส้นกลม สามารถศึกษาได้จาก ลิงก์ ที่ให้มาข้างบน

เหล็กเส้นกลมจะมีขนาดตั้งแต่ 6 มม. ไปจนถึง 34 มม. ซึ่งในการสั่งซื้อเหล็กเส้นกลม ข้อสำคัญที่จะต้องระบุให้ชัดเจนก็คือ

1) ชั้นคุณภาพของเหล็กเส้นกลม ซึ่งก็คือ SR24
2) ขนาดของเหล็กเส้นกลม เช่น 6 มม.
3) ความยาวต่อเส้นของเหล็กเส้นกลม ซึ่งโดยมาตรฐานของโรงงาน จะผลิตที่ความยาว 10.00 เมตร
4) น้ำหนักต่อเมตร ของเหล็กที่สั่งซื้อ คูณด้วยจำนวนเมตรต่อเส้น ได้น้ำหนักเท่าไหร่ นำไปคูณกับจำนวนเส้นของเหล็กที่จะสั่งซื้อ ก็จะได้น้ำหนักรวมที่จะสั่งซื้อ  เพราะว่าเหล็กเส้นกลม การซื้อขายจะใช้หน่วยราคา ต่อ กิโลกรัม ในการซื้อขาย

ตัวอย่างเช่น จะสั้งซื้อเหล็กเส้นกลมSR24 RB 6 มม. x 10.00 ม. จำนวน 7000 เส้น

วิธีการหาน้ำหนักรวมก็คือ 0.222 x 10 = 2.22 กิโลกรัม ต่อเส้น
เอา 2.22 x 7000 = 15540 กิโลกรัม

จะได้น้ำหนักเหล็กที่จะสั่งซื้อเท่ากับ 15540 กิโลกรัม
จะหาว่าหนักกี่ตัน ก็ให้นำ 1000 มาหาร ( 1 ตัน = 1000 กิโลกรัม )
ก็จะได้เท่ากับ 15540 / 1000 = 15.54 ตัน

5) ระบุยี่ห้อของเหล็กที่สั่งซื้อที่ได้รับการอนุมัติวัสดุจาก Consult เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งโดยปรกติแต่ละโครงการจะส่งอนุมัติวัสดุเหล็กเส้นกันไม่น้อยกว่า 5 ยี่ห้อ

เหตุผลที่เราต้องขออนุมัติวัสดุเหล็กเส้นกันไม่น้อยกว่า 5 ยี่ห้อ ก็เนื่องจากว่า เป็นการป้องกันสินค้าบางขนาด บางยี่ห้อ ขาดตลาดเนื่องจากเหตุผลทางการผลิต เราจึงต้องขออนุมัติวัสดุไว้หลายๆยี่ห้อ

เมื่อมาถึงขั้นตอนการจัดส่งเหล็กเส้นกลมเข้าโครงการจากร้านค้า เรามีวิธีตรวจอย่างไรว่าเหล็กที่เราสั่งซื้อเข้ามา ร้านค้าจัดส่งถูกต้อง ทั้งขนาด ความยาว และยี่ห้อที่เราต้องการ  วิธีการตรวจเช็คก็คือ

1) เช็คที่เส้นของเหล็กจะมีชื่อผู้ผลิต และขนาด ประทับเป็นตัวนูนถาวรติดอยู่
2) เช็คจากป้ายสังกะสี ที่ผูกติดมากับมัดเหล็กทุกมัด จะระบุ ชั้นคุณภาพ ขนาด ความยาว โรงงานที่ผลิต

เมื่อตรวจเช็คเป็นที่ถูกต้องแล้ว ก็ดำเนินการรับเพื่อนำไปใช้งาน

อีกสิ่งหนึ่งที่ร้านค้าจะต้องจัดส่งมาพร้อมกับเหล็กเส้นก็คือ ใบ certificate จากโรงงานผู้ผลิต ซึ่งจะต้องออกให้ทุกครั้ง เพื่อสามารถให้ทาง Consult ตรวจสอบได้ตลอดเวลาหากเกิดข้อสงสัยในคุณภาพของเหล็กเส้น